นายกพัทยาระบุถกอภิปรายงบวงจรปิดผูกพัน 200 ล้านแจงข้อมูลครบถ้วน เผยไม่ทราบเหตุผล 4 สม.ลาออกทำหมดสภาพทั้งสภาฯ
ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้
นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่าสำหรับกรณีที่ว่าปัญหาของการลาออกของสมาชิกสภาเมืองพัทยามีผลเกี่ยวเนื่องจากการประชุมสภาเมืองพัทยานัดล่าสุดที่มีการหยิบยกกรณีของการขออนุมัติงบก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า 1 ปี เกี่ยวกับระบบกล้องวงจรปิดมูลค่า 200 ล้านหรือไม่นั้น เรื่องนี้คงตอบไม่ได้แต่การประชุมครั้งนั้นมีการถกประเด็นกันอย่างดุเดือด กระทั่งสุดท้ายอดีตประธานสภาฯสั่งให้มีการลงคะแนนในทางลับ ซึ่งก็มีตน และ อดีต สม.หลายท่านพยายามท้วงติงว่าการลงคะแนนลับเป็นเรื่องของสถาบันฯ และความมั่นคง แต่อดีตประธานสภาฯก็ใช้อำนาจที่มีทำการลงคะแนนโดยตัวเองก็เป็นหนึ่งในผู้ออกเสียงซึ่งแม้ตามกฎ หมายจะให้สิทธิ์ แต่ทางมารยาทก็มองว่าไม่สมควร สุดท้ายก็ใช้อำนาจประธานฯสั่งให้มีการพิจารณาโครงการใหม่ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเหตุให้มีการลาออกในครั้งนี้หรือไม่
นายสนธยา กล่าวว่าส่วนกรณีที่อดีตประธานสภาฯ และอดีต สม.พัทยา ที่หมดสภาพไปแล้วไปให้ข่าวทางสื่อมวลชนว่าควรระงับโครงการกล้องไว้ก่อน โดยให้นำงบมารวมไว้ที่งบกลางเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาโควิดนั้น เรื่องนี้ในฐานะนายกเมืองพัทยาได้ชี้แจงในการประชุมสภาฯโดยละเอียดไปแล้วว่าปัญหากล้องวงจรปิดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานนับสิบปี และปัจจุบันสามารถใช้งานได้เพียง 44 % จากกล้องทั้งหมด 2,026 ตัว และด้วยเมืองพัทยาเป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนและการท่องเที่ยวของ EEC จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนารอง รับคามเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยตามแผนของรัฐบาลในเรื่องการเร่งฟื้นฟูหากสถานการณ์โควิดดีขึ้นหรือ “ล้มแล้วลุกไว” เพราะแม้กระทั่งรัฐบาลเองแม้จะปรับลดงบประมาณในด้านอื่นๆลง แต่งบลงทุนก็เพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้าน โดยเฉพาะพื้นที่ EEC ที่ยังดำเนินการต่อเนื่องทั้งสนามบินอู่ตะเภา และรถไฟฟ้าความเร็วสูง ดังนั้นการพัฒนาโครงการต่างๆเพื่อรองรับในพื้นที่เมืองพัทยาจึงมีความจำเป็น โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะความปลอดภัย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะเป็นการจัดเช่ากล้องจำนวน 940 ตัวมาทดแทนกล้องที่เสื่อมสภาพหลังใช้งานครบ 7 ปีที่ใช้การไม่ไดแล้ว 1,200 ตัว เพื่อให้สามารถใช้การได้ในสัดส่วน 95 % ของพื้นที่ ทั้งนี้ได้มีการศึกษา วางแผน และกำหนดขอบเขตรายละเอียดการจัดทำมาโดยละเอียดแล้ว
ส่วนกรณีที่ว่าอดีตประธานสภาฯหรืออดีต สม.พัทยา หลายท่านท้วงติงว่าควรระงับไว้ก่อนและนำงบมาใช้ในการแก้ไขปัญหาโควิดนั้น เรื่องนี้ในฐานะนายกเมืองพัทยาได้ดำเนินการในเรื่องของการแก้ไขปัญหาโรคโควิดมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง รวมไปทั้งการจัดงบประมาณที่ได้ตั้งงบกลางไว้แล้กว่า 195 ล้านบาท รวมทั้งการใช้งบตามอำนาจอีก 40 ล้านบาท ที่สำคัญในเร็ววันนี้เมืองพัทยาจะได้รับงบประมาณที่มาจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่รัฐจะชดเชยให้อีก 400 กว่าล้านบาทซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาเมืองพัทยาจัดการ ดูแล ป้องกัน ทั้งเฝ้าระวัง และการตรวจเชิงรุกเพื่อป้องกันอย่างจริงจัง โดยจะเห็นได้จาก การจัดซื้อชิโนฟาร์มในงบกว่า 88 ล้านบาท การตั้งจุดตรวจเชิงรุกที่มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ และการเยียวยาประชา ชนที่ได้รับผลกระทบกว่า 25,000 ครัวเรือนในงบกว่า 50 ล้านบาทด้วย จึงถือว่าเป็นวิธีการบริหารงบประมาณของฝ่ายบริหารซึ่งจะต้องมีการต้องงบลงทุนและ Event ต่างๆซึ่งสุดท้ายหากไม่สามารถดำเนินการได้ ก็สามารถโยกงบประมาณมาใช้ในสิ่งที่จำเป็นได้ เพียงแต่จำเป็นจะต้องตั้งไว้เพราะหากถึงเวลาที่สถานการณ์ดีขึ้นแต่ไม่มีการตั้งโครงการและงบประมาณรองรับไว้ ก็กลับกลายเป็นจะต้องมาดำเนินโครงการใหม่ที่อาจทำให้เสียเวลาและไม่ทันการ
นายสนธยา กล่าวทิ้งท้ายว่าไปพบว่ามีคอมเมนต์ในโลกโซเชียลจากบุคคลที่ชื่อนายนิรันดร์ ที่ระบุว่า “มี 3 อรหันต์คอยปกป้องนาย เพราะอยากได้กล้องวงจรปิด” ส่วนตัวแล้วขอร้องว่าอย่าใช้วิธีการแบบนี้เลย มีอะไรให้มาบอกกันตรงๆ มีหลายเรื่องที่พบว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดทางกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีที่ไปกล่าวหาว่าตัวเองเป็นส่งเจ้าหน้าที่ไปตามจับ จากเหตุความผิดกรณี ม.157 ซึ่งช่วงนั้นคดีใกล้หมดอายุความและตัวนายนิรันดร์ ได้หายตัวไประยะหนึ่ง ซึ่งแจ้งให้ทราบว่าหากจะทำจริงคงให้เจ้าหน้าที่ไปจับที่บ้านพักแล้ว เพราะถ้าทำจริงคงไม่รอด ดังนั้นอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ ชื่อเสียง ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที เพราะมีพยานยืนยันและพร้อมเดินทางมาขึ้นศาลสู้คดีให้เป็นจำนวนมาก….
ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้
