ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ลงพื้นที่นำตัวแทนหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบบริเวณจุดที่ทิ้งขยะของภาคเอกชนในเขตพื้นที่อำเภอเมือง หลังพบการกระทำผิดกฎหมาย นำขยะนอกเขตพื้นที่จากจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาทิ้ง กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและดำเนินคดีให้ถึงที่สุดโดยให้สรุปผลภายใน 7 วัน
สืบเนื่องจากกรณีเกิดเหตุเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ที่พบว่าได้มีการแอบลักลอบนำขยะจากพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เข้ามาทิ้งในเขตพื้นที่จังหวัดลำปาง บริเวณจุดบ่อทิ้งขยะของเอกชนในเขตท้องที่ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมืองลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์เป็น นส.3 มีนายเอกสิทธิ์ วงอ๊อด หรือ “ลุงแก้ว” อายุ 65 ปี เป็นเจ้าของพื้นที่ โดยการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการล้อมจับตรวจยึดรถบรรทุกสิบล้อที่ขนขยะนำมาทิ้งได้ 1 คัน พร้อมคนขับ คือ นายพรชัย อร่ามเรือง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ข้อหาฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ.2560 มาตรา 18 และ19 ฐานร่วมกันดำเนินการรับการเก็บขยะหรือจัดการขยะ สิ่งปฏิกูลขยะมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือรับประโยชน์ตอบแทนคิดค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
ล่าสุด นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายวาทิต ปัญญาคม นายอำเภอเมืองลำปาง และหัวหน้าส่วนราชการ รวมถึงตัวแทนเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด, สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง), องค์การบริหารส่วนจังหวัด, เทศบาลตำบลต้นธงชัย ตลอดจนผู้นำชุมชนในเขตท้องที่ ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบจุดบริเวณบ่อทิ้งขยะดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อสืบเสาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดในกรณีดังกล่าวเพิ่มเติม รวมถึงการกระผิดในเรื่องอื่นๆ ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำหรับใช้ในการฟ้องร้องดำเนินคดีเพิ่มกับผู้กระทำผิด
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวว่า เมื่อช่วงสองวันที่ผ่านมาทางหน่วยงานท้องที่อำเภอเมืองลำปาง ได้มีการรับแจ้งจากสายการข่าว ว่าในพื้นที่จะมีการลักลอบขนขยะจากจังหวัดใกล้เคียง คือ เชียงใหม่ นำเข้ามาทิ้งในเขตพื้นที่จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นการลักลอบขนขยะเข้ามาทิ้งแบบผิดกฎหมาย โดยทางอำเภอเมืองลำปางได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยดักซุ่ม เพื่อจับกุมผู้กระทำผิดและก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีได้ แต่ทว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดจากการแสวงหาผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้ส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมสร้างความเดือดร้อนให้กับคนหมู่มากในสังคมส่วนรวม โดยตนจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เงียบหาย และจะทำการส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับทราบ เพื่อจะให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบทั่วประเทศ สำหรับในส่วนกรณีของจังหวัดลำปาง ได้รับทราบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าพื้นที่จุดบริเวณที่ทิ้งขยะแห่งนี้ บางส่วนยังเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ตุ๋ยฝั่งซ้าย หรือ ป่าแม่เมาะแปลง 2 และยังไม่ได้มีการเพิกถอนเขตพื้นที่ป่า ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบความถูต้องอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน รวมถึงเรื่องแนวเขตบริเวณพื้นที่บ่อขยะว่ามีการรุกล้ำเขตพื้นที่ป่าหรือไม่ โดยหากพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม ก็จะดำเนินการฟ้องร้องให้มีการยกเลิกเพิกถอน และหากพบว่าพื้นที่บริเวณบ่อทิ้งขยะมีการรุกล้ำเขตพื้นที่ป่า ก็จะให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าของบ่อขยะเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ขอเวลาในการดำเนินการตรวจสอบเพื่อจะให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายใน 7 วัน
ข่าวน่าสนใจ:
- ชิง ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ส่อเดือด! นักการเมืองรุ่นใหม่ทยอยเปิดตัว ท้าชนแชมป์เก่า
- ฝ่ายปกครอง อ.ปลาปากสนธิกำลังตร .บุกรวบหนุ่ม 20 ขาใหญ่ จำหน่ายยาบ้า โดดหลังบ้าน คว้ามีดพร้าเปิดทาง หลบหนีไปไม่รอด
- พร้อมรับสมัครเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.พังงา เชิญชวนคนดีมีความสามารถมาสมัคร 23-27 ธันวาคมนี้
- ตร คลี่ปม หนุ่มวัย 29 ปี ถูกรถไฟชน มีเสื้อมัดเท้า ยืนยันเป็นเพียงมัดแทนรองเท้าเดินริมทางรถไฟ
ด้านนายวาทิต ปัญญาคม นายอำเภอเมืองลำปาง ได้กล่าวให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการนำขยะเข้ามาทิ้งในเขตพื้นที่ว่า ทางหน่วยงานท้องที่อำเภอเมืองลำปาง ได้มีการสืบทราบว่าในพื้นที่จะมีการลักลอบขนขยะจากจังหวัดเชียงใหม่นำเข้ามาทิ้งในเขตท้องที่ โดยทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการติดตามเฝ้าระวัง จนพบผู้กระทำผิดลักลอบขนขยะนำเข้ามาทิ้งที่บริเวณบ่อขยะแห่งนี้ และก็สามารถตรวจยึดรถบรรทุกสิบล้อที่ขนขยะมาทิ้งได้ 1 คัน พร้อมจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งต่อมาก็ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) ให้ร่วมกันเข้าดำเนินการขยายผลตรวจสอบแนวเขตพื้นที่
โดยนายอำนวย ศรีแสงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง ได้กล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในเรื่องดังกล่าว ทางหน่วยงานได้มีการประสาน กับทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) เร่งดำเนินการตรวจพิสูจน์ชี้แนวเขตพื้นที่บริเวณบ่อขยะที่เกิดเหตุทั้งหมด ซึ่งเบื้องต้นได้รับเอกสารจากเจ้าของพื้นที่ พบว่าพื้นที่บ่อทิ้งขยะแห่งนี้มีเอกสารสิทธิ์เป็น นส.3 เนื้อที่รวมประมาณ 17 ไร่ แต่จากการประเมินจุดบริเวณที่ทิ้งขยะทั้งหมด กลับพบว่าบริเวณที่ทิ้งขยะของบ่อขยะแห่งนี้ ได้มีการลุกล้ำออกไปเกินกว่า 17 ไร่ โดยทางหน่วยงานได้มีการแจ้งเรื่องให้ทางเจ้าของพื้นที่บ่อขยะทราบแล้วในเบื้องต้น ซึ่งทางจ้าของพื้นที่บ่อขยะยังคงยืนยันและอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ที่ดินเกินกว่า 17 ไร่ จริงเพียงแต่ยังไม่ได้นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยขณะนี้ทางหน่วยงานกำลังรอเอกสารยืนยันจากเจ้าของพื้นที่ และหากพิสูจน์ได้ว่าพื้นที่ที่ทิ้งขยะในส่วนที่เกินออกไป มีการลุกล้ำเข้าไปในเขตพื้นที่ป่า ทางหน่วยงานก็จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้กับเจ้าของพื้นที่บ่อขยะเพิ่มเติมอีก 1 กระทง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: