X

ชาวบ้านตบเท้าแจ้งความกองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุตายแล้วไม่ได้เงินทำศพ 

ราชบุรี     ในวันนี้  ( 1 ก.ย. 64 )  ชาวบ้านหลายรายใน อ.จอมบึง  จ.ราชบุรี  ได้รวมตัวนำเอกสารเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อดิเรก  กลางพิมาย ร้อยเวร สภ.จอมบึง ให้ดำเนินคดีกับประธาน และคณะกรรมการชมรมกองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุรางบัว อ.จอมบึง ทั้งคณะ  หลังได้ให้ชาวบ้านฝากเงินตามเงื่อนไขของชมรมฌาปนกิจศพมานานนับปี  แต่เมื่อคนในครอบครัวเสียชีวิตไปแล้ว ทางญาติผู้รับประโยชน์ ได้ประสานติดต่อไปที่คณะกรรมการฯ แต่กลับไม่ได้รับเงินตามระเบียบเงื่อนไขที่ได้ตกลงทำสัญญาไว้ เป็นเงินหลักหมื่น – แสนบาทต่อคน พยายามติดต่อไปยังคณะกรรมการฯหลายครั้งแต่เรื่องก็เงียบหายไร้วี่แวว

          ด้านนางสาวกนกวรรณ จินดาโชติ  อยู่บ้านเลขที่  202 หมู่ 10 ต.จอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี  กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นเงินกองทุนหมู่บ้านหนองนกกระเรียน  ส่วนแม่ของตนเองเป็นสมาชิกลำดับที่ 3,684 คน เมื่อเสียชีวิต 1 คน ก็เก็บเงิน 50 บาท ถ้าเสีย 2 คน จะเก็บ 100 บาท โดยเฉลี่ยแล้ว 1 เดือนจะเสียค่าศพประมาณ 700 – 800  บาท บางครั้งมีถึงกว่า  1,000  บาท ไม่ได้ติดตามว่าชมรมนี้ยังตั้งอยู่หรือไม่  พอมาช่วงเกือบสิ้นปี  2563  มารู้ว่าผู้เสียชีวิตแล้วแต่ไม่ได้เงิน  พอไม่ได้เงิน  ก็มีการตั้งชมรมขึ้นมาใหม่ เป็นชมรมในชื่อปัจจุบันนี้คือ ชมรมกองทุนรางบัว เนื่องจากที่ไม่ได้เงินเพราะคนเก็บแต่ละสายไม่ได้เอาไปส่งที่กองทุนหนองนกกระเรียนจนได้ล้มกองทุนไป แต่ตัวเองเป็นสมาชิกเก่าของกองทุนหนองนกกระเรียน ได้ส่งเงินมาตลอด เป็นจำนวนเงินกว่า  1 แสนบาท จากที่ส่งมา 12 ปี ที่ส่งเงินเข้ากองทุนให้แม่มาแล้ว  จึงให้เอาสมาชิกเก่ามาส่งเงินต่อได้เลย จะมีบิลการเสียชีวิตที่ได้จ่ายไปคนละ 50 บาท เป็นหลักฐานไว้ ตัวเองส่งเงินไป 5 พันบาท  มีการชี้แจงว่าภายในปี 2564  ว่าเสียเงินเกินหรือเสียน้อยกว่า ถ้าเสียเกินต้องจ่ายเพิ่ม แต่ถ้าเสียน้อยกว่าก็จะชี้แจงมาว่ามียอดเท่าไหร่ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ไม่มีเลย  ตอนนี้มีเพื่อนที่เสียชีวิตไป 4 เดือนแล้ว ยังไม่ได้เงินสักบาทเดียว ครั้งแรกติดต่อไปทางกองทุนว่าต้องยืมเงินมาสำรองจ่ายการทำศพก่อน จะขอเงินมาก่อน 2 หมื่นบาท แต่ก็ไม่ได้ และมีการติดต่อไปอีกว่าถ้าได้เงินจะติดต่อกลับมา จากนั้นก็ไม่ติดต่ออีกเลย  วันนี้อยากรู้ว่าจะรับผิดชอบอย่างไรกับผู้เสียชีวิต จึงขอแจ้งความทุกคนที่เป็นคณะกรรมการ และประธานให้มารับผิดชอบเรื่องนี้  เพื่อจะได้ให้ชาวบ้านญาติที่เสียชีวิตได้เอาเงินนี้มาจัดงาน

          ส่วนนางสาววรรณชนก จุลเดช อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 10 ต.แก้มอ้น อ.จอมบึง กล่าวว่า  เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2564  มีข่าวว่า ชมรมนี้จะยุบลงแล้วตั้งชมรมใหม่ มีการบอกว่าถ้าใครไม่เอาเงินไปจ่ายภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ของคนเก่าจะตัดทิ้งทั้งหมด  จึงไปที่มีการตั้งเต็นท์บริเวณเขาสน มีคนบอกว่าสายที่เราส่งเงินนั้นไม่ได้มีการส่งเงินเข้ามาตั้งแต่ปี 2562   จึงเรียกเก็บย้อนหลังหมดเลย มีทั้งต้องโอนเงินศพละ 10 บาท และศพละ 50 บาท ย้อนหลังอีก และต้องจ่ายอีก 5,500 บาท ของปีนี้ทั้งหมด พอเราขอผัดผ่อนเขาก็บอกไม่ได้ พอข่าวออกมาแบบนี้ชักไม่มั่นใจแล้วกับการส่งเงินไป จึงอยากรู้ว่าโครงการจะไปต่อหรือว่าจะหยุด และขอแค่เงินที่ส่งให้ไปคืน พยายามติดต่อก็ไม่สามารถติดต่อได้ เวลาจะไปจ่ายเงินจะไปที่ อบต.รางบัว  จะมีพนักงานคอยเก็บเงินไว้ให้ แต่จะสอบถามรายละเอียดทางนั้นไม่รู้เรื่อง แค่บอกว่ามีหน้าที่เก็บให้ชมรมเท่านั้น ส่วนตัวเองจ่ายเงินไปทั้งหมด  17,370 บาท ตัวเองก็หาเช้ากินค่ำ เป็นเงินเยอะมากสำหรับครอบครัว

                 อย่างไรก็ตามในวันนี้มีชาวบ้านจำนวน 4 คน ได้นำเอกสารเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แก่ นางสาวพัชนี หมวดไธสง ผู้รับประโยชน์จากนางใบ หมวดไธสง ซึ่งเป็นมารดา ต้องได้เงินรับผลประโยชน์เป็นเงิน 1 .5 แสนบาท  นางสังเวียน ศรีวะอุไร ผู้รับประโยชน์ จากผู้ตายชื่อ นายประสิทธิ์ คำศรี เป็นบิดา ต้องได้รับผลประโยชน์เป็นเงิน 1 แสนบาท นางแร่ม มณเทียร ผู้รับประโยชน์ นางวันเพ็ญ เสนาพิทักษ์ ต้องได้เงินรับผลประโยชน์เป็นเงิน 1.5 แสนบาท และนางแฉล้ม อ่ำกิ่ม เป็นผู้รับประโยชน์จากนางดรุณี ชัยชาญพันธ์ ต้องได้รับประโยชน์เป็นเงิน 1 แสนบาท  ซึ่งผู้เข้าแจ้งความทั้ง 4 คนนี้   ยังไม่ได้รับเงินฌาปนกิจศพของผู้เสียชีวิตที่พึงจะได้รับ   จากกองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุรางบัวเลย  แม้ว่าจะเลยเวลาตามสัญญามาหลายเดือนมากแล้ว

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดของชาวบ้านเพื่อทำสำนวนเตรียมสืบสวนหาหลักฐานหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี