สระแก้ว – เกิดเหตุคนร้ายบุกบ้านนักข่าวใหญ่เมืองสระแก้ว ทุบทำลายรถยนต์เสียหาย 3 คันมูลค่ากว่า 3 แสนบาท ทุบกล้องวีดีโอและวิ่งเข้าจะทำร้าย เชื่อเหตุมาจากการเปิดโปงธุรกิจผิดกฎหมายและปัญหายาเสพติดในพื้นที่
เมื่อวันที่ 12 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจาก นายสมศักดิ์ ปัญญาสัย บก.นสพ.เจาะลึกจริง ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และสติงเกอร์ให้กับข่าวอีกหลายช่องว่า ได้ถูกคนร้ายบุกเข้าไปภายในบ้านเพื่อเข้าจะทำร้าย โดยมีอาวุธเป็นค้อนตอกตะปูและก้อนหินขนาดใหญ่ 1 ก้อน ซึ่งคนร้ายพยายามจะเข้ามาทำร้ายนายสมศักดิ์ และทุบรถยนต์เสียหายไป 3 คัน ประกอบด้วย รถยนต์กระบะโตโยต้า 4 ประตู สีดำ , รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค และรถเก๋งโตโยต้า รุ่นโดเรม่อน ที่ติดป้ายข่าว ได้รับความเสียหายที่บริเวณกระจกด้านข้างรถทั้ง 2 ข้างทุกคัน ค่าเสียหายรวมประมาณ 301,600 บาท จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.หญิงเกศรินทร์ วีระพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสระแก้ว ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อให้ติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุได้บุกเข้าไปภายในบ้านบริเวณบ้าน นอกจากใช้ค้อนและหินทุบทำลายรถยนต์ 3 คันต่อหน้าต่อตาตนเองและภรรยาแล้ว ยังทุบทำลายกล้องถ่ายภาพทีวีที่ใช้ในการทำข่าว ทุบบ้าน และพยายามจะวิ่งเข้าทำร้ายตนเอง จนต้องวิ่งหลบหนีรอบรถยนต์หลายรอบ เชื่อว่า สาเหตุน่าจะมาจากการเปิดโปงนายทุนถมดินผิดกฎหมาย และเปิดโปงปัญหายาเสพติดในพื้นที่ จนนำมาสู่เหตุการณ์บุกเข้าไปที่บ้านและก่อเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว ได้เข้าควบคุมตัว นายกรกช แก้วสิงห์โต อายุ 28 ปี อยู่บ้านหนองไผ่ ม.5 ต.สระขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว นำตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจ พร้อมตรวจยึดค้อนของกลางและก้อนหินที่ใช้ก่อเหตุมาเป็นหลักฐาน โดยผู้ก่อเหตุยังให้การภาคเสธ เนื่องจากอยู่ในอาการมึนงงจากการเสพยาเสพติด และจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้ เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดและติดคุกมาแล้ว เพิ่งพ้นโทษมาได้ไม่นาน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่า “บุกรุกเคหะสถานโดยมีอาวุธและใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่า จะใช้กำลังประทุษร้ายทำให้เสียทรัพย์ ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญ ดูหมิ่นซึ่งหน้า และพยายามทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น”
—————————-
