ตำรวจตามตัวรวบคนขับแท็กซี่เรียกเก็บค่าโดยสารเกินจริงพูดจาแทะโลมผู้โดยสาร อ้างเป็นหลานบิ๊กป้อม แม่เผยเคยถูกตีศีรษะมาแล้ว 2 ครั้งสมัยวัยรุ่นแต่ไม่ได้รักษา ตำรวจคาดอาการเกินร้อย
จากกรณีที่มีหญิงสาวผู้โดยสารรายหนึ่งออกมาแฉคลิปวีดีโอขณะนั่งรถแท็กซี่สาธารณะ ทะเบียน ทส 4962 กทม. และถูกคนขับซึ่งเป็นชายอายุประมาณ 35-40 ปี เป็นคนขับไม่สวมใส่แมสก์และพูดจาแทะโลมผู้โดยสารรายนี้ตลอดเวลา รวมทั้งเรียกเก็บค่าโดยสารแพงเกินจริง ต่อมาเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ที่ 21 กันยายน 2564 น.ส.บี วีรวรรณ ผู้เสียหายได้เดินทางมาที่โรงพัก สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อติดตามตัวแท็กซี่รายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ข่าวน่าสนใจ:
- จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล UNITHAI-CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง
- กู้ภัยเร่งช่วยชีวิตหนุ่มขับรถกระบะตกคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ
- ผกร.ป่วนไม่เลิก!วางบึ้ม 5 (แตก 4, กู้ 1) ทางไปสนามบิน
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 22 กันยายน 2564 พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ พ.ต.ท.อำนาจ ราชสีห์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สุวิชา ชั้นงาม รอง ผกก.จร.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันติดตามตัวคนขับแท็กซี่คันดังกล่าวมาทำการสอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา ทราบชื่อนายธเนศ บุญเสริมทรัพย์ อายุ 45 ปี ที่เดินทางมาพร้อมด้วยนางอารี บุญเสริมทรัพย์ ผู้เป็นแม่วัย 75 ปี
นายธเนศ คนขับแท็กซี่ผู้ก่อเหตุ ได้บอกว่า ตนเป็นหลานแท้ ๆ ของบิ๊กป้อม สมัยเด็กพาตนนั่งรถถัง เมื่อผู้สื่อข่าวถามมาก ๆ เข้านายธเนศ ก็บอกว่าอย่าเชื่อมากพวกแท็กซี่ส่วนมากชอบโม้ แต่สำหรับตนของจริง ในส่วนที่พูดและกระทำในวันนั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร คนแถวนี้เข้ารู้นิสัยผมดีไม่ยังงั้นตนอยู่ไม่ได้หรอก ตนขับแท็กซี่มาหลายปี ในวันนั้นตนแค่จีบ ๆ เขาเฉย ๆ ในแนวสนุกสนานหยอกล่อเล่น ตนก็ชมว่าเขาสวยเผื่อเขาจะให้ติ๊บบ้าง ส่วนที่ตนไม่ทอนเงินให้เขานั้นเพราะขาดค่าน้ำมัน เพราะถ้าน้ำมันหมดเรื่องใหญ่ต้องให้วินไปซื้อ น้ำมัน ก็จะหมดตอนแรกก็ไม่อยากรับเพราะน้ำมันจะหมดแต่ว่าเงินมันขาดก็เลยไม่ทอนให้ เผื่อรถดับกลางทาง ก็จะให้วินไปซื้อให้
พ.ต.ท.สุวิชา ชั้นงาม รอง ผกก.จร. ได้กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ก่อเหตุรับว่าเป็นคนในคลิปจริง ซึ่งกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์มาตร 66 / 5 ผู้ใดเรียกค่าโดยสารเกิดกำหนด ซึ่งในมิเตอร์ขึ้นค่าบริการแค่ 47 บาท แต่ผู้ก่อเหตุเรียกไป 100 บาท มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท และใช้กิริยาวาจาไม่สุภาพ มีความผิดตามมาตร 57 ฉ ซึ่งมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 พันบาท ซึ่งในวันนี้ได้เชิญทางขนส่งจังหวัดสมุทรปราการมาร่วมดำเนินการด้วย ซึ่งในส่วนนี้เราให้ดำเนินการตามมาตรการของขนส่งทางบก ซึ่งเบื้องต้นผู้ก่อเหตุยินยอมเสียค่าปรับ แต่ขณะนี้ทางผู้ก่อเหตุได้บอกว่ายังไม่มีเงินเสียค่าปรับ และจากการสอบถามเบื้องต้นเขาบอกว่าเป็นคนชอบพูดคุย โดยเฉพาะถ้าผู้โดยสารเป็นผู้หญิงเขาก็จะพูดหยอกล้อ แต่เท่าที่คุยกับผู้เสียหายเขาต้องการโพสต์แค่เป็นอุทาหรณ์เท่านั้น
ด้านนางอารี ผู้เป็นแม่ ได้บอกว่า ตัวลูกชายเคยถูกทำร้ายถูกตีที่ศีรษะมา 2 ครั้งตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลแต่อย่างใดเพราะไม่มีเงิน นอนรักษาเองที่บ้าน เพราะต้องทำมาหากิน หลังจากนั้นมาก็มีอาการผิดปกติชอบกินกาแฟที่เป็นซอง ๆ วันละ 5-6 ซองและก็กินเครื่องดื่มชูกำลังอีก 2-3 ขวด ตนก็ห้ามไม่ได้ก็เพราะเขาเป็นอย่างนี้ หมอเขาบอกว่าให้คอยเอาอกเอาใจเขาหน่อย เขาจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาไม่ให้เขาโมโห ถ้าเขาโมโหบางทีก็มีอาละวาดเหมือนกันเวลาที่เราขัดใจเขา เหมือนกับเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เหมือนคน 2 บุคลิก เวลาดีเขาก็ดีเวลาเขาเป็นแบบนี้เราก็ขัดใจไม่ได้
ด้านนายธิวัฒถ์ บ่มไล่ หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่งทางบกจังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า เบื้องต้นในเคสนี้คนขับรถแท็กซี่ เป็นผู้ถูกร้องเรียนและถูกกล่าวหา และก็ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริงตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะปรับเท่าไหร่ แต่ถ้ารับสารภาพและไม่มีเงินค่าปรับพนักงานสอบสวนต้องส่งดำเนินคดีไปทำการเปรียบเทียบปรับในชั้นศาล ก็คือคดีทุกคดีที่มีโทษเปรียบเทียบปรับถูกต้องหารับสารภาพแล้วไม่มีเงินค่าปรับสุดท้ายก็ต้องส่งพนักงานสอบสวนเพื่อส่งฟ้องศาล และขั้นตอนต่อไปทางขนส่งเองในส่วนตัวของผู้ขับขี่เองทางขนส่งจะต้องตรวจสอบ เนื่องจากดูประวัติในเบื้องต้นยังไม่พบการทำผิดซ้ำ ถ้ามีการซ้ำก็จะไปดูว่าเข้าข่ายเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่หรือไม่ ส่วนที่ทางญาติของผู้ขับขี่รายนี้บอกว่าคนขับรายนี้เป็นผู้ป่วยทางจิต ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นที่หน้าสนใจอยู่ แต่ตอนนี้เขามีใบอนุญาตอยู่ ส่วนอาการป่วยเราไม่รู้ว่าอยู่ในระดับไหน ถ้าเขาอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายเราก็ต้องทำการพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ก็คงเป็นข้อมูลที่เราต้องไปติดตามตรวจสอบ แต่ในเบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลชี้ว่าเขาขาดคุณสมบัติหรือไม่ ถ้ามีเอกสารทางการแพทย์ก็จะเข้าสู่กระบวนการเพิกถอนใบอนุญาต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สาวโวยพม่าขับแท็กซี่ไม่สวมแมสก์คิดค่าโดยสารเกินจริงแถมพูดจาแทะโลมขอเบอร์โทรจีบ
ตำรวจตามตัวคนขับแท็กซี่เรียกเก็บค่าโดยสารเกินจริงแล้ว อ้างเป็นหลานบิ๊กป้อม ตำรวจคาดเกินร้อย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: