ขอได้โปรดพิจารณา เรื่องจริงจากการเปิดเผย ข้อเท็จจริงที่น่าจะผิดปรกติในคดี จุดจบสวนเมืองพรเรื่องจริง.. ตำนาน 20 ปี
โรงแรมโคราชโฮเต็ล ถนนอัษฎางค์ ตำบลในเมืองอ.เมือง จ.นครราชสีมาณ ห้องประชุมโรงแรมโคราชโฮเต็ล จัดประชุมเรื่องจริงจากการเปิดเผย ข้อเท็จจริงที่น่าจะผิดปรกติในคดี จุดจบสวนเมืองพร โดยนายเฉลิมเกียรติ คล้ายสุวรรณ หรือ(ลุงเล็ก) ได้กล่าวว่า ในคดีคือ ที่ดินพิพาทมูลเหตุของคดี ข้าพเจ้าทำสัญญาเช่ากับราชพัสดุจังหวัดกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง จำนวนพื้นที่ 36 ไร่65.6 ตารางวา เช่าตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 22 เมษายน 2539รายละเอียดวัตถุประสงค์ 5 สัญญา เพื่อการเกษตร 2 สัญญาเพื่ออยู่อาศัย 2 สัญญา และเพื่อประโยชน์อย่างอื่น 1 สัญญา
ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 8 ปี ในข้อหาบุกรุกป้าสงวนแห่งชาติ ที่น่าจะผิดปรกติ คือเป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่ดินที่ข้าพเจ้าเช่าจาก กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ชำระค่าเช่าต่อเนื่องตามสัญญาเช่นเดียวกันกับราษ ฎรอีกกว่า 300 ครอบครัว รวมระยะเวลาชำระค่าเช่าและอยู่อาศัยมาแล้วกว่า 20 ปี ไม่เคยผิดสัญญาและเป็นที่ดินที่มิได้ล่วงล้ำเกินเลยไปจากสิทธิตามสัญญาแต่ประการใด แต่ทำไมต้อง ติดคุก
ตกลงข้าพเจ้า เช่าคุกกรมราชทัณฑ์ หรือ เช่าที่ดินกรมธนารักษ์ และในคดีนี้ ใครคือผู้บุกรุกป่าสงวนตัวจริงระหว่าง ข้าพเจ้า หรือ กรมธนารักษ์ ข้าพเจ้าเลือกปฏิบัติ แต่เพียงผู้เดียว ข้าพเจ้าเป็นคู่สัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมายกับ กรมธนารักษ์ ไม่ได้มีเจตนากระทำความผิด จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นผู้มีอำนาจในที่ดินพิพาทตามคำพิพากษาของศาลฎีกา และต่อไปนี้
คดีเมื่อสิ้นสุดแล้ว ต้องเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคดีต่อไป อาจส่งผลร้ายกับผู้ที่ทำนิติกรรมกับภาครัฐไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรือในอนาคต โดยเฉพาะกับ กรมธนารักษ์ ในประเด็นการกระทำความผิดควรดูที่เจตนาหรือไม่ ?ชีวิตจะต้องเริ่มต้นกันใหม่ทั้งหมดทั้งๆที่สัญญาเช่าที่ดินจาก กรมธนารักษ์ ทั้ง 5 ฉบับยังคงมีผลบังคับใช้ ครอบครองที่ดินโดยชอบ ค่าเช่าที่ชำระตามสัญญาเป็นประโยชน์ของแผ่นดินติดคุกได้อย่างไร ?
นายเฉลิมเกียรติ คล้ายสุวรรณเจ้าของ สวนเมืองพร แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ ได้ขอให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้าด้วยการสอบหาข้อเท็จจริงทั้งนี้ ข้าพเจ้าขอรับการชดเชยหรือเยียวยาในสิ่งที่ข้าพเจ้าควรได้รับตามกฎหมายอาทิเช่น.
1. คืนสิทธิสัญญาการเช่า
2. ชดใช้คืนสิ่งก่อสร้างที่สูญเสียไปทั้งหมดจากการต้องถูกรื้อถอนตามคำบังคับคดี จำนวนเงิน43,633,000.00 บาท(สี่สิบ สามล้านหกแสนสามหมื่นสามพันบาทถ้วน)พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 % ต่อปี ตามหลักฐานที่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง
3. ค่าเสียหายที่อาจต้องชดใช้ให้แก่กรมป่าไม้ตามเอกสารที่แนบมาพร้อมนี้ด้วยแล้วเป็นจำนวนเงิน4,443,320.25 (สี่ล้านสี่แสนสี่หมื่นสามพันสองร้อยยี่สิบบาทยี่สิบห้าสตางค์)พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับแต่ 1 มีนาคม 2544 เป็นต้นมา
4. การขาดโอกาสทางธุรกิจหมดเครดิตทางการเงิน
5. การเสื่อมเสียชื่อเสียงทางสังคม
6. การขาดอิสสระภาพโดยถูกจองจำเป็นเวลาเกือบ3 ปี และสิทธิมนุษยชนอันพึงมีฯลฯหรือตามที่ท่านเห็นสมควร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: