นครศรีธรรมราช : นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่นครศรีธรรมราช ติดตามแผนบริหารจัดการน้ำและป้องกันน้ำท่วม รับมือหากมรสุมเคลื่อนจากภาคกลางไปภาคใต้ สั่งทุกหน่วยงานวางแผนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลา ลดความเสียหาย พร้อมเร่งเยียวยา
วันที่ 7 ตุลาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย,นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม,นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน,นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี,นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมี นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ ให้การต้อนรับ
การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อตรวจการบริหารจัดการน้ำของ จ.นครศรีธรรมราช รวมถึงติดตามสถานการณ์ความก้าวหน้าในการบริหารจัดการน้ำภาคใต้ เตรียมรับมือกับสถานการณ์จากอิทธิพลลมมรสุมที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและดาวเทียม THEOS-2 (ทีออส-2) ติดตามสภาพอากาศ รวมไปถึงการดูแลเรื่องเกษตร น้ำ ในทุกมิติ
โดยคณะของนายกรัฐมนตรี เริ่มตรวจราชการจากเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ณ สะพานคลองหน้าเมือง ซึ่งเป็นจุดตั้งเครื่องสูบน้ำ ที่ตำบลปากนคร พร้อมกำชับให้เร่งเรื่องการระบายน้ำหากเกิดน้ำท่วมขัง เพื่อลดความเดือดร้อน ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการดำเนินการแก้ไขปัญหา รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการทั้งเรื่องเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาในภาพรวม พร้อมย้ำถึงการดูแลรักษาคลองอย่าให้ตื้นเขิน กำจัดวัชพืชเพื่อเปิดทางน้ำไหล หน่วยงานราชการส่วนจังหวัดและส่วนท้องถิ่นจะต้องวางแผนเตรียมการพร้อมรับมือสถานการณ์ตลอดเวลา
ข่าวน่าสนใจ:
บรรยากาศการลงพื้นที่เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนรอต้อนรับ พร้อมยืนชูป้ายให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี บอกให้สู้ ๆ ทำงานเพื่อประชาชนและเพื่อประเทศชาติต่อไป
ซึ่งตลอดเวลาที่นายกรัฐมนตรีนั่งรถไปตามถนนและเดินทักทายพี่น้องประชาชนในแต่ละจุดนั้น ได้ชูมือเป็นสัญญลักษณ์ ‘ไอเลิฟยู ‘พร้อมกล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ ขอให้ร่วมมือกับรัฐบาลแก้ไขปัญหาในทุกเรื่อง
จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางไปตรวจแผนการป้องกันอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำ บริเวณถนนพุทธภูมิ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ภายหลังรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ เพื่อเตรียมแผนรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสู่ภาคใต้ โดยศักยภาพทางภูมิศาสตร์ภาคใต้จะประสบปัญหาน้ำท่วมช้ากว่าพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้วบางส่วน จึงขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลข่าวสารการแจ้งเตือนจากส่วนราชการ พร้อมวางแผนจัดอันดับความสำคัญในการเคลื่อนย้ายสิ่งของหากมวลน้ำไหลมามากจนประสบปัญหาน้ำท่วม เพื่อลดความสูญเสียของทรัพย์สิน รวมถึงเตรียมอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่ทางส่วนราชการเตรียมไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาอุทกภัยนี้ รัฐบาลได้บริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบอย่างต่อเนื่องมาตลอด ขณะนี้บางโครงการก็แล้วเสร็จ แต่มีบางโครงการที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าน้ำท่วมจะไม่มากเหมือนเมื่อปี 2554 เนื่องจากรัฐบาลมีการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้นให้น้อยลง ควบคู่กับการพิจารณาดำเนินแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝน และพายุ เพื่อเตรียมความพร้อมรับกับสถานการณ์ ลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
สำหรับการเยียวยา นายกรัฐมนตรีกำชับให้ส่วนราชการเร่งสำรวจความเสียหาย จ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนโดยเร็ว ยืนยันรัฐบาลจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ใช้งบประมาณอย่างระมัดระวัง ประเทศไทยประสบปัญหาในหลายด้าน แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ฝากให้ส่วนราชการ ส.ส.ในพื้นที่ดูแลให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมมือกันกับรัฐบาลในการ ‘พลิกโฉมประเทศไทย’ เพื่อให้ออกจากประเทศรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูง ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน โดยใช้ศักยภาพความเข้มแข็งในพื้นที่ที่มีอยู่ ร่วมขับเคลื่อนควบคู่กับการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิต เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยีให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อไม่ให้กลับไปสู่จุดเดิมอีกและให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความห่วงใยในสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลจะเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ครบโดยเร็ว และให้มากที่สุดตามเป้าหมายที่กำหนด รวมไปถึงการฉีดกระตุ้นวัคซีนเข็ม 3 ให้ประชาชนในระยะต่อไป ขอให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา กลับบ้านล้างมือ อาบน้ำให้สะอาด ส่วนตัวอยากอยู่ใกล้ชิดกับทุกคนให้มากขึ้น แต่ต้องเว้นระยะห่าง ถึงไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แต่คนใต้ใจถึงใจอยู่แล้ว คนเมืองคอนรักกันเหนียวแน่น คนใต้รักใครรักจริง พร้อมกล่าวว่า “รักจังฮู้ เพราะคิดถึงจึงมาหา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้าย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: