( วันที่ 14 ตุลาคม 2564) พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัญธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายในทางปฎิบัติแก่ ตร.สภอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี.พ.ต.อ.พนิช อ่วมสอาด รอง.ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ , พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก. สภ.หัวหิน พ.ต.ท.จักรพัฒน์ จันทร์เหี่ยง รอง.ผกก.ป.สภ.หัวหิน ,พ.ต.ท.กานต์ บุญประคอง รอง.ผกก. สส.สภ.หัวหิน และข้าราชการตำรวจให้การต้อนรับพร้อมตรวจแถว จนท.ตร. 182นายที่หน้า สภ.หัวหิน ทั้งนี้ ผบช.ภ.7ตรวจการใช้อาวุธปืนพกประจำกาย ปืนM.16 พร้อมทั้งเน้นย้ำในการเข้าจับกุมตัวคนร้ายในระยะกระชั้นชิด และการที่จะใช้อาวุธปืน จากนั้นได้เข้าตรวจดูทั้งที่จุดประชาสัมพันธ์ ห้องรับแจ้งเหตุ และห้องขัง พร้อมเน้นย้ำกำชับเรื่องการดูแลความปลอดภัยภายในห้องขัง ถึงแม้จะมีกล้องซีซีทีวีก็ตาม หลังจากนั้นได้พบพูดคุยกับ คณะกรรมการ กต.ตร.สภ.หัวหิน และเข้าห้องประชุม และมอบนโยบายต่างๆกับ ตำรวจ สภ.หัวหิน ซึ่งนโยบายของตำรวจภูธรภาค 7 มีการมอบนโยบายกับผู้บังคับการ รองผู้บังคับการ และผู้กำกับไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในส่วนของ สภ.หัวหิน ทั้งการป้องกันปัญหาอาชญากรรม รวมทั้งหากมีคดีเกิดขึ้นฝ่ายสืบสวนต้องเร่งดำเนินการติดและปิดคดีให้ได้โดยเร็ว และดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะอำเภอหัวหินถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ รวมทั้งโครงการสมาร์ทเซพตี้โซน สิ่งสำคัญที่สุดเรื่องอำนวยความยุติธรรมทางอาญาต้องดูแลประชาชนดุจญาติสนิท บริการประชาด้วยความ “รวดเร็ว เสมอภาค เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และโปร่งใส”
พล.ต.ท. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวให้สัมภาษณ์ ว่าหลังจากรับตำแหน่ง แล้วได้เดินทาง มาที่ สภ.หัวหินเป็นแห่งแรกที่ได้มาเยือนและมอบในทางปฎิบัติ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 7 มี104 สถานี ซึ่งทุกๆแห่งจะต้องรับนโยบายในทางปฎิบัติเหมือนกันหมด อาทิ ตร.ต้องทำงานในหน้าที่เชิงรุก อยู่กันแบบพี่แบบน้อง ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนส่วน ผมได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัด นอกจากทีหน่วยปฎิบัติการพิเศษของแต่ละจังหวัดแล้ว ทุกโรงพักจะต้องมีการฝึก ทดสอบ ให้เกิดเป็น” ชุดปฏิบัติการอินทรีย์ ๗ ที่จะต้องทำหน้าที่ในการเข้าปราบปราม ไล่ล่า จู่โจมระงับเหตุอย่างรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนว่าตำรวจเราจะดูแลชีวิตและทรัพย์สินให้ได้ และผมยังให้นโยบายกับผู้บังคับการฯทุกจังหวัด ด้วยว่า “ตำรวจทำดีมีผลงานต้องชื่นชม ทำผิดต้องรับโทษ” เพราะขวัญและกำลังใจเป็นสิ่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องการ
ข่าวน่าสนใจ:
- เชียงใหม่-แพทย์ มช.ล้ำยุค AI รักษาคนไข้ ที่แรกที่เดียวในอาเซี่ยน
- แก็งค์ผีสาวต้นมะพร้าวตบกันหน้าโรงพัก โวยลั่นถ่ายคลิปกันทำไม ไม่กลัวพรุ่งนี้เจอจะตบอีก วอนจนท.ปราบ
- ขอโทษที่เปลี่ยนใจ นายกไก่หวั่นผิดคำพูดเคยลั่นหาก “ฉายแสง” ลงแข่งจะไม่ขอสู้
- มุกดาหาร ชาวคริสต์นับหมื่น ร่วมฉลอง 84 ปี วีรกรรมแห่งความเชื่อ ณ สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขีสองคอน
สำหรับมาตรการเชิงรุกของตำรวจภูธรภาค 7 ที่เน้นย้ำก็คือการเปิดยุทธการในพื้นที่ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบ ทั้งอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และบุคคลตามหมายจับ เราต้องทำสังคมให้น่าอยู่ ให้ประชาชนเชื่อมั่นและเกิดความศรัทธา ซึ่งมีการสั่งการไปทุกพื้นที่แล้ว ส่วนปราบปราบยาเสพติดทุกรูปแบบทุกมิติในทุกพื้นที่ ทั้งการป้องกัน การเอ็กซเรย์พื้นที่ ทั้งผู้ค้า ผู้เสพ ผู้ป่วยที่เข้าโครงการบำบัด ตามโครงการคืนสังคมของ ผบ.ตร. รวมทั้งแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ และช่องทางถูกกฏหมายตามแนวชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบ ตำรวจภูธรภาค 7 โดยเฉพาะทั้งที่ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี กาญจนบุรี ซึ่งมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศเมียนมา ซึ่งผมได้มอบนโยบายกับผู้บังคับการแต่ละจังหวัดและ ผกก.ทุกพื้นที่ไปแล้ว ตำรวจจะต้องประสานการทำงานประสานงานบูรณาการทำงานกับทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่อย่างเข้มข้น ตามแผนสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่มีการจัดทำไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อปราบปราม จับกุมผู้ลักลอบหลบหนีเข้ามา และหากมีการจับกุม ต้องมีการขยายผลจัดการติดตามจับกุมกลุ่มนายทุนและผู้เข้าร่วมขบวนการค้าแรงงาน ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งต้นทางและปลายทาง และติดตามจับกุมนำตัวมาลงโทษดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้ สิ่งสำคัญเน้นย้ำห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์เป็นอันขาด ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค7 ซึ่งผมเห็นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เรื่องนี้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 บางครั้งบุคคลเหล่านี้หลบหนีเข้ามาก็สร้างปัญหากับสังคม ก็อาจนำพาโรคเข้ามาด้วย ซึ่งในโอกาสต่อไปผมจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ช่องทางแนวชายแดน ที่ติดต่อกับประเทศเมียนมาต่อไป รวมทั้งที่ด่านสิงขร
สำหรับที่เมืองหัวหินนั้นเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย ต่างชาติเข้ามาซึ่งหลังจาก 1 พย.นี้ไปแล้วก็มีการเปิดประเทศ ตำรวจยิ่งต้องเพิ่มมาตรเข้มในการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวด้วยย้ำ”ต้องปลอดภัย” ส่วนปัญหาด้านการจราจรต้องอำนวยความสะดวกด้านการจราจรอย่าให้ติดขัดถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะก็ตาม อย่าให้เกิดปัญหาด้านการจราจรเกิดขึ้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: