ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพบกลุ่มนายทุนข้ามชาติได้ว่าจ้างราษฎรจาก สปป.ลาว เข้ามาลักลอบตัดไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ (ชิงชัน ประดู่) ในเขตป่าประเทศไทย และชักลากข้ามกลับไปฝั่ง สปป.ลาว ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูซาง ท้องที่บ้านสา หมู่ที่ 6 และบ้านหัวนา หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งกล้วย อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ติดแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับสปป.ลาว ระหว่างหลักพรมแดน จึงปฏิบัติงานตามแผนเฉพาะกิจเพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ (ชิงชัน ประดู่ ) ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูซาง ท้องที่ตำบลทุ่งกล้วย อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า ดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีมีนายทุนข้ามชาติได้ว่าจ้างราษฎรจากสปป.ลาว เข้ามาลักลอบการลักลอบตัดไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ (ชิงชัน ประดู่) ในเขตป่าประเทศไทย และชักลากข้ามกลับไปฝั่งประเทศสปป.ลาว ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูซาง ท้องที่บ้านสา หมู่ที่ 6 และบ้านหัวนา หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งกล้วย อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ติดแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว ระหว่างหลักพรมแดนที่ 18-20 และระหว่างวันที่ 17-19 และวันที่ 24-26 กันยายน 2564 สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า โดยการนำของนายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม และนายชัยชาญ ศรียงค์ หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) นายสมบูรณ์ พุทธวงศ์ หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 5 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูซาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจพบตอไม้และร่องรอยการแปรรูปไม้(ชิงชัน ประดู่) และอื่นๆ จำนวน 96 จุด ต่อมานายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม และนายชัยชาญ ศรียงค์ หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ)ได้สั่งการให้นายสมบูรณ์ พุทธวงศ์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ 5 นายออกเดินลาดตระเวนในพื้นที่ดังกล่าวและจับกุมผู้กระทำผิด โดยเจ้าหน้าที่ได้เริ่มออกลาดตระเวน เมื่อวันที่ 15 ต.ค 64 ตรวจพบช่องทางธรรมชาติที่ราษฏรสปป.ลาวใช้เป็นเส้นทางแอบลักลอบเข้ามาทำไม้และนำไม้ออกจากประเทศไทยค่อนข้างใหม่ประมาณ 1 สัปดาห์ เรียกว่าช่องประตู 2 และตามเส้นทางในป่า พบร่องรอยการลักลอบตัดไม้ชิงชัน ไม้ประดู่ โค่นล้มและแปรรูปไม้คาตอ จำนวนหลายจุดทั้งใหม่และเก่า และในช่วงกลางคืนวันที่ 16 ต.ค 64 คณะเจ้าหน้าที่อยู่จุดเฝ้าระวัง อยู่ห่างจากแนวหลักเขตชายแดนเข้ามาฝั่งประเทศไทยประมาณ 2-3 กิโลเมตร ได้ยินเสียงเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์อยู่ห่างจากจุดเฝ้าระวังค่อนข้างไกล ต่อมาวันที่ 17 ต.ค 64 เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนกระจายกำลังดักซุ่มตามเส้นทางที่คาดว่าจะมีการลักลอบขนไม้ออกมาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่พบชายจำนวน 6 คน ทำการแบกไม้แปรรูป เดินผ่านเจ้าหน้าที่ที่ดักซุ่ม จากการสังเกตพบว่ามีชายคนที่ 3 และคนที่ 6 ในกลุ่มแบกไม้ ถืออาวุธปืนมาด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว กลุ่มชาย 6 คนจึงทิ้งไม้แปรรูปวิ่งหลบหนีไปและอีก 3 ได้หันปืนมายิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการต่อสู้ เจ้าหน้าที่จึงได้ยิงปืนตอบโต้เนื่องจากพื้นที่ที่อันตราย อาจมีกองกำลังซุ่มอยู่ จึงได้แจ้งเจ้าที่หน้าที่จุดอื่นเข้ามาสมทบและทำการถอนกำลัง
เบื้องต้นสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 1 คน เป็นชายจากประเทศ สปป.ลาว และตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูป (ขนาดยาว 200 เซนติเมตร กว้าง 50 เซนติเมตร และหนาประมาณ 5 เซนติเมตร) จำนวน 1 แผ่น/เหลี่ยม ตรวจยึดอุปกรณ์การกระทำผิด อาวุธปืนประดิษฐ์ จำนวน 2 กระบอก (เป็นของชายคนที่ 6 จำนวน 1 กระบอก และอีกกระบอกถูกมัดติดกับไม้ประดู่แปรรูป ของชายคนที่ 1) พร้อมเครื่องกระสุน จำนวนหนึ่งจึงได้นำของกลางและผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
