ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย จี้รัฐบาลยกเลิก “เคอร์ฟิว” และ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ชี้ 2 คำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการเปิดประเทศ
เมื่อวานนี้ (18 ตุลาคม 2564) นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดอุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ชัดเจนว่าเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของนายกฯ กับอนาคตทางการเมืองของตัวเองว่า จะรอดหรือจะร่วง หากรอดก็พร้อมเป็นฮีโร่ แต่หากล้มเหลวก็จะอ้างว่าประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ รายได้รวมหายไปไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท แรงงานในภาคอุตสาหกรรมตกงานไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คน ดังนั้นการเปิดประเทศในครั้งนี้ รัฐบาลต้องมีมาตรการที่รอบครอบ-รัดกุม และเมื่อย้อนดูนโยบายการเปิดประเทศใน 120 วันที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ แต่ต่อมายังไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ เพราะติดขัดในหลายประเด็น โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ไม่สามารถทำได้ถึงตามเป้าหมาย และระบบ-กระบวนการทำงานของรัฐบาลที่ยังไม่เอื้อเท่าที่ควร
พร้อมระบุว่า นโยบายเปิดประเทศถือเป็นนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ ภาคอุตสาหกรรมยังมีความกังวล เพราะมองไม่เห็นความจริงใจจากรัฐบาลว่าจะตั้งใจฟื้นการท่องเที่ยวจริงหรือไม่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับนโยบายต่ออย่างไร สามารถตอบคำถามที่ชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่
นอกจากนี้ นายวรสิทธิ์ ยังชี้ว่า หากรัฐบาลยังไม่ยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) และมาตรการเคอร์ฟิว ก็จะส่งผลให้ 2 คำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคสำคัญในการเปิดประเทศ หากนักท่องเที่ยวมาแล้วไม่ได้รับการคุ้มครองจากบริษัทประกัน รวมทั้งมาเที่ยวในประเทศไทยเกินเวลา จะถูกดำเนินคดีหรือไม่ มาตรการเหล่านี้ต้องชัดเจน
