ราชบุรี จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านเขาพระ หมู่ที่ 5 ตำบลธรรมเสน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ว่าเกิดน้ำเน่าเสียผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ส่งกลิ่นเหม็น หากสัมผัสจะเกิดอาการคันไม่สามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ โดยเฉพาะการนำน้ำไปใช้ในระบบเกษตรกรรม ซึ่งน้ำได้ไหลเข้าไปในบ่อเก็บกักน้ำของชาวบ้าน และบ่อเลี้ยงปลา จนมีสีดำและน้ำตาลไหม้แถมยังส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ปลาที่เลี้ยงไว้ในบ่อ อาทิ ปลานิล ปลาสวาย ปลายี่สก เริ่มค่อยๆ ลอยหัวตายจนเกือบยกบ่อ จนชาวบ้านทนไม่ไหวได้ไปแจ้งเรื่องยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่มีใครเข้ามาดู ชาวบ้านจึงได้ออกมาพึ่งสื่อมวลชนเพื่อเป็นกระบอกเสียงในการช่วยเหลือชาวบ้าน
ล่าสุดในวันนี้(21 ต.ค.64) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบประกอบด้วย นางสุดสายสวาท ชาญปรีชา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลธรรมเสน เจ้าของพื้นที่ นายสมศักดิ์ พลายมาต ผอ.ส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมภาค 8 พ.ต.ต.เลิศศักดิ์ บุญมี สวป.สภ.เขาดิน พร้อมด้วย กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำในพื้นที่ และ ชาวบ้านผู้เสียหาย เข้าตรวจสอบโรงฆ่าสัตว์ร้างซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อีกฟากฝั่งของภูเขาพระ โดยปัจจุบันถูกธนาคารแห่งหนึ่งยึดทรัพย์และประกาศขาย ซึ่งคาดว่าจะเป็นต้นตอของน้ำเสียดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณรั้วกำแพงด้านหลังของโรงฆ่าสัตว์ดังกล่าวซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ใกล้เชิงเขาพระและมีบ่อน้ำในพื้นที่สาธารณะจำนวน 2 บ่อ และพบว่าทั้ง 2 บ่อมีสภาพน้ำเป็นสีน้ำตาลไหม้ และ ส่งกลิ่นเหม็นซึ่งคาดว่าจะเป็นน้ำชนิดเดียวกันกับที่ไหลเข้าบ่อสาธารณะของชาวบ้าน และยังพบช่องใต้กำแพงเจาะเป็นช่องโหว่ มีแผ่นยางรอง 1 แผ่น และท่อน้ำ PVC ขนาดใหญ่ 1 ท่อน ส่วนที่ปลายช่องโหว่กลับพบซากกากน้ำซึ่งคาดว่าจะเป็นกากส่าเหล้า แต่ในระหว่างที่มีการตรวจสอบอยู่นั้นพบว่า มีรถบรรทุกถังน้ำขนาดใหญ่ เป็นรถพ่วง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-4794 ป้ายเหลือง และที่หน้ากระจกรถมีสติ๊กเกอร์ตำคำว่า “เจ๊พจน์” ส่วนที่ข้างถังน้ำเขียนข้อความว่า หจก.เอแอลเอส ขนส่ง เจ้าหน้าที่ตำตรวจพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมภาค 8 จึงได้เรียกและจับกุม พร้อมทำการอายัดรถบรรทุกดังกล่าวไว้
จากการตรวจสอบพบคนขับชื่อนายคะนอง ผลจันทร์ อายุ 36 ปี ชาวอำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่ได้พยายามสอบถามกับนายคะนองว่าน้ำที่บรรทุกมานี้เป็นน้ำอะไร และนำมาจากที่ไหน รวมถึงมาทิ้งที่นี่กี่ครั้ง นายคะนองให้การวกวน เจ้าหน้าที่จึงได้พยายามเค้นและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับนายคะนอง จนยอมรับสารภาพว่า ได้บรรทุกน้ำกากส่าจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งเขตติดต่อระหว่าง อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ติดกับ อำเภอท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เพื่อนำมาทิ้งไว้ในจุดดังกล่าว ซึ่งวันหนึ่งจะวิ่งมาทิ้งจำนวน 3 เที่ยว และบางวันจะนำมาทิ้ง 1 เที่ยวหากมีปริมาณน้อย เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหากับนายคะนองและพยายามติดต่อกับบริษัทที่ให้นำน้ำกากส่ามาทิ้ง จนสร้างความเสียหายไหลเข้าสู่ระบบน้ำสาธารณะของหมู่บ้านและสร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เบื้องต้นตั้งไว้ 2 ข้อหา กระทำความผิด พ.ร.บ.โรงงาน ที่นำกากอุตสาหกรรมมาทิ้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และ บุกรุกเข้าที่ดินผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และถ้าหากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความก็จะตั้งข้อหาเพิ่มเติมภายหลัง
ต่อมา ชาวบ้านผู้เสียหายได้พา นายสมศักดิ์ พลายมาต ผอ.ส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมภาค 8 นางสุดสายสวาท ชาญปรีชา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลธรรมเสน เจ้าของพื้นที่ ไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดน้ำเสียไหลซึมจนสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ที่บริเวณตีนเขาอีกฝากฝั่ง จากจุดที่มีการลักลอบทิ้งกากส่า ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นน้ำกากส่าชนิดเดียวกัน เนื่องจากทั้งสีและกลิ่นเหม็นของกากส่า โดยเฉพาะคราบสนิมที่ลอยอยู่บนหน้าดิน นายสมศักดิ์ จึงได้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจพิสูจน์เพื่อความแน่ชัด โดยเฉพาะค่าความเข้มข้นของคุณภาพน้ำ แต่จากการตรวจสอบด้วยชุดทดลองเบื้องต้นพบว่ามีความเข้มข้นสูง จึงไม่แนะนำให้ชาวบ้านนำไปใช้ในการอุปโภคบริโภค เนื่องจากจะได้รับความอันตรายจากน้ำได้ และไม่แนะนำให้นำไปใช้ในการเกษตรหรือเลี้ยงสัตว์
ซึ่งนายสมศักดิ์ พลายมาต ผอ.ส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมภาค 8 กล่าวว่า วันนี้จากการที่มาลงตรวจสอบ พบว่าโชคดีที่เราเจอต้นตอได้ทันเวลา สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีการลักลอบนำน้ำกากส่ามาทิ้งจนทำให้ไหลเข้าระบบน้ำสาธารณะของหมู่บ้านและบ่อเก็บกักน้ำของชาวบ้าน ซึ่งวันนี้เราก็เก็บตัวอย่างน้ำไปเพื่อตรวจพิสูจน์เพื่อความชัดเจน และไม่เป็นการกล่าวหาใคร โดยเก็บตัวอย่างน้ำจากที่รถบรรทุกมา และ มาเก็บตัวอย่างน้ำในลำลางสาธารณะจุดที่มีการพบน้ำไหลซึม และไม่แนะนำให้ชาวบ้านนำน้ำไปใช้ เพราะคาดว่าจะมีความเข้มข้นสูง อาจเกิดอาการแพ้และอันตรายต่อสุขภาพได้ ส่วนการแก้ไขปัญหาตรงนี้ต้องให้ประสานไปยังบริษัทผู้ลักลอบนำมาทิ้งให้มาดูดกับไป และต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก
ด้านนางสุดสายสวาท ชาญปรีชา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลธรรมเสน เจ้าของพื้นที่ ในส่วนของ อบต.เราได้ชาวบ้านได้สำรวจความเสียหาย ช่วงนี้ขอให้เก็บน้ำไว้ในบ่อก่อนอย่างเพิ่งสูบออก รอพิสูจน์ความเสียหายก่อน เพราะต้องเก็บภาพรวบรวมข้อมูลเป็นหลักฐานทั้งหมด เพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความเสียหายต่อชาวบ้าน และ การเยียวยา โดยสัปดาห์หน้า ทางเจ้าหน้าที่ของ อบต.จะลงมาสำรวจ พร้อมทั้งให้ชาวบ้านไปเขียนคำร้องเรื่องความเสียหาย
ด้านตัวแทนชาวบ้าน นางสุรินทร์ จันอินทร์ อายุ 51 ปี นางพิกุล ชมพูนุช อายุ 62 ปี นายธนากร เกิดขำ อายุ 48 ปี และนายชัยวัฒน์ ไพพรรณ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านผู้ทีได้รับผลกระทบโดยตรง กล่าวว่า วันนี้พวกตนสบายใจแล้ว ได้รู้ความจริงว่าน้ำเสียที่เกิดขึ้นนั้นเพราเหตุให้และต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ที่ได้จับกุมผู้กระทำความผิดนำน้ำกากส่ามาลักลอบทิ้งจนสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน นอกจากนี้ยังขอบคุณไปทางสื่อมวลชนที่ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้านจนนำมาสู่การแก้ไขปัญหา ทำให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนได้รับความช่วยเหลือ ตนและชาวบ้านต้องฝากให้หน่วยงานทาง อบต.ธรรมเสนได้ช่วยดำเนินการกับผู้กระความผิดดังกล่าวให้ถึงที่สุด และให้เข้ามาดูดน้ำเสียเหล่านี้กลับไป เพื่อไม่ให้ไหลสู่ระบบประปาหมู่บ้านและนาข้าวก่อนที่จะสร้างความเสียหายมากไปกว่านี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: