กรุงเทพฯ – รองโฆษกรัฐบาล เผย ฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 ในเด็กผู้ชายอายุ 12-16 ปี ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ พร้อมชวนหญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีน หลังทั่วโลกพบโควิด-19 ทำให้แม่เสียชีวิตสูงขึ้นกว่าปกติ 50-60%
วันที่ 21 ตุลาคม 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ มีมติให้สามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 ในเด็กชายอายุ 12-16 ปีได้ โดยเป็นไปตามความสมัครใจและความประสงค์ของผู้ปกครองและเด็กนักเรียน ซึ่งทั่วโลกมีการฉีดให้เด็กแล้วกว่า 100 ล้านโดส ส่วนข้อกังวลเรื่องอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนั้น คณะอนุกรรมการฯ ชี้แจงว่า เกิดขึ้นได้น้อยมาก และรักษาหายได้เร็ว โดยมีข้อสรุป 3R ประกอบด้วย
1.Real กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเกิดขึ้นจริง ส่วนมากเกิดในเข็มที่ 2 ในเด็กผู้ชายอายุ 12-16 ปี
2.Rare เกิดขึ้นได้น้อยมาก ในระดับไม่กี่รายต่อล้านคน พบมากสุดประมาณ 6 ในแสนคน ซึ่งน้อยกว่าโรคโควิด-19 ในเด็กที่ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย (MIS-C) รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง จับแล้วมือค้อนทุบหัวฆ่าโหดพ่อค้าปลาสวยงาม กลางงานลอยกระทงกันตัง ทิ้งศพกลางงาน หลักฐานชัด จุดทิ้งมือถือ-โผล่กดเงินสดผู้ตาย
- THACCA ร่วมกับ วธ. สนับสนุน 220 ล้านบาท ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์และซอฟต์พาวเวอร์ไทย
- ศึกชิงเก้าอี้ "นายก อบจ." เดือดแน่..ลุ้นใครล้มช้าง 5 สมัย?
- ‼️คุมเข้มทุกตารางนิ้ว-หลัง ผกร.เหิมหนัก บึ้ม จนท.
3.Recovery ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย ไม่รุนแรงและสามารถหายได้เอง มีจำนวนน้อยรายที่อาการรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล และทั่วโลกรายงานพบผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวกับวัคซีน 1 ราย ขณะที่มีการฟื้นตัวรวดเร็วมากถึง 90%
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข จะติดตามอาการหลังฉีดอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจะประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้าใจแก่เด็กและผู้ปกครองอีกด้วย ปัจจุบัน มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่เข็มที่ 1 ให้เด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี แล้ว 1 ล้าน 3 แสน 25,527 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2564) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในรูปแบบ On-Site (เรียนที่โรงเรียน)
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังเร่งเดินหน้าระดมฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ในสถานพยาบาลของรัฐ หรือคลินิกฝากครรภ์ เพื่ออำนวยความสะดวก ปัจจุบันมีหญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีนเพียง 75,000 ราย จากเป้าหมาย 300,000 ราย
“ตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 95% ไม่ได้รับวัคซีน เป็นสาเหตุทำให้มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต ขณะที่ทั่วโลกมีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิดมีสัดส่วนการเสียชีวิตที่สูงขึ้นกว่าภาวะปกติถึง 50-60% และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในหลายประเทศ จึงขอเชิญชวนให้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อป้องกันอาการรุนแรงและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนทุกชนิด มีความปลอดภัยแก่แม่และเด็กในครรภ์ รวมทั้งสามารถส่งต่อภูมิคุ้มกันให้กับทารกในครรภ์ และการให้นมบุตรอีกด้วย” นางสาวรัชดา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: