ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา จังหวัดเลยได้เกิดฝนตกหนักตลอดคืนเกือบทั้ง 14 อำเภอ ทำให้ในหลายอำเภอได้เกิดน้ำป่าไหลเข้าท้วมบ้านเรือนประชาชน เกิดดินสไลด์ไหลลงมาปิดเส้นทาง ร่วมทั้งต้นไม้ใหญ่ล้มปิดเส้นทางในหลายหมู่บ้าน โดยเฉพาะช่วงเวลา 05.00 น.ถึงเช้า 08.00 น เกิดเหตุน้ำป่าทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน สูบ ต.น้ำสวย อ.เมือง จ.เลย หลังได้มีฝนตกลงมาตลอดทั้งคืน น้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านกว่า 40-50 หลังคา ประชาชนต้องพากันเร่งขนของไว้บนที่สูง โดยบ้านเรือนบางหลัง น้ำทะลักเข้าไปในบ้านระดับน้ำสูงประมาณ 60 เซนติเมตร
ล่าสุดนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายกิตติคุณ บุตรคุณ นายอำเภอเมือง พร้อมด้วยนายยศกร สุขสะอาด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำป่า ไหลเข้าท่วมภายในบ้าน ขณะน้ำได้ลดลงและแห้งลง ได้ทิ้งสภาพบ้านเรือน ไร่นา ถูกน้ำพัดพา เสียหายเป็นบริเวณกว้าง
นายชัยธวัช เนียมศิริ เผยว่า จากที่จังหวัดเลยได้มีฝนตกลงมาตลอดทั้งคืน โดยเฉพาะในตำบลน้ำสวย บ้านสูบ หมู่ที่ 1,4,9 และหมู่ที่ 10 ได้เกิดฝนตกหนักตลอดทั้งคืนปริมาณถึง 90 มม. ทำให้น้ำที่มาจาก 2 ช่องทาง จากลำน้ำลาย และลำน้ำที่มาจากอ.เชียงคาน ด้านบ้านท่าวังผา มวลน้ำได้ไหลลงมาจบกันที่ฝายวังปลา ทำให้น้ำได้ล้นฝาย และไหลเข้าหมู่บ้านใน 4 หมู่บ้าน ในช่วงเช้าประมาณ 05.00 น.และมวลน้ำได้ทิ้งความเสียหายไว้ ทั้งถนนที่ยังน้ำยังขังท่วมเป็นบางช่วง และได้เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนประมาณ 40-50 หลังคาเรือน น้ำได้เข้าท่วมสูงประมาณ 60 ซม. ด้านความเสียหายส่วนใหญ่ชาวบ้านได้เร่งเก็บของไว้ที่สูงก่อนที่น้ำจะมา แต่ได้ทิ้งคราบดินโคลน ที่ไหลมาตามน้ำ
ในการนี้ทั้งอำเภอเมืองเลย ทางเทศบาลตำบลน้ำสวย ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน รวมถึงหน่วยงาน ปภ.เลย ทั้งตชด. ทหารได้ระดมเจ้าหน้าที่ช่วยทำความสะอาดให้กับชาวบ้าน ส่วนความเสียหายข้าวของ และพื้นที่ด้านการเกษตรอยู่ระหว่างการสำรวจ ส่วนในการแก้ปัญหาระยะยาวก็จะมี 2 ส่วน จากที่ในหมู่บ้าน ต.น้ำสวย ในกลางปี 63 ได้เกิดน้ำท่วมขนานใหญ่ ท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 300 กว่าหลังในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะทางสำนักงานโยธาและผังเมือง ได้สำรวจออกแบบ แนวทางการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ ต.น้ำสวย ซึ่งในเรื่องนี้ทางจังหวัดจะได้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน ส่วนที่ 2 ในฝายวังปลา ที่เคยเกิดฝายพังหรือชำรุดในช่วงน้ำท่วมใหญ่ ขณะนี้ได้มีการแก้ปัญหาชั่วคราว ซึ่งที่เข้าไปตรวจสอบดูพบว่า อาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้นอีกได้ ในเรื่องนี้ทางชลประทานได้มีงบประมาณแก้ไขในงบประมาณปี 2566 น่าแก้ปัญหาได้ระยะยาวต่อไป
