นราธิวาส-“สาธารณสุข” จับมือ “Big C” เชิงรุก! เปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนหน้าห้างกลางเมืองนราธิวาส
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 ตุลาคม 2564 ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขานราธิวาส ถนนสุริยะประดิษฐ์ ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีเปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีนายยะห์ยา ปะนาฆอ นายอำเภอเมืองนราธิวาส นายแพทย์สถาพร สินเจริญกิจ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนประชาชนชาวนราธิวาส เข้าร่วม
ทั้งนี้สืบเนื่องจากจังหวัดนราธิวาสได้บูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครองสาธารณสุขและผู้นำศาสนา ร่วมรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนชาวจังหวัดนราธิวาส รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราการเสียชีวิต และถ้าฉีดวัคซีนเกินร้อยละ 70 ของประชากร จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ และจากการร่วมรณรงค์ฉีดวัคซีน จังหวัดนราธิวาสที่ผ่านมา มีความครอบคลุมเพียงร้อยละ 42.83 จากเป้าหมายที่ต้องการให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากร ดังนั้น การออกหน่วยบริการเชิงรุกเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานที่และชุมชนต่างๆ ของจังหวัดนราธิวาส จะช่วยเพิ่มความครอบคลุมของการรับวัคซีนและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
โดยในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาส ได้รับความร่วมมือและอนุเคราะห์สถานที่จากห้าง Big C นราธิวาส ให้จัดตั้งหน่วยบริการ เพื่อฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับผู้มาใช้บริการที่ยังไม่ฉีดวัคซีน (เข็ม 1 ไฟเซอร์) หรือ ถึงกำหนดนัดฉีดวัคซีน (เข็ม 2) หรือ ต้องการบูสเตอร์โด๊ส (เข็ม 3 ไฟเซอร์) สำหรับคนที่ฉีดไฟเซอร์เข็มแรกมาแล้ว มารับไฟเซอร์เข็ม 2 สำหรับคนฉีดซิโนแวคเข็มแรก มารับไฟเซอร์ เข็ม 2 โดยให้ห่างจากเข็มแรกประมาณ 4 สัปดาห์ รวมถึงเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 25-31 ตุลาคม 2564 เวลา 09.00 -15.00 น.ไม่เว้นวันหยุดราชการเพียงแสดงบัตรประจำตัวประชาชน สามารถ Walk in มาฉีดได้เลย
ด้านนายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วทุกภูมิภาคของโลกรวมถึงประเทศไทย มีแนวโน้มระบาดอย่างต่อเนื่อง เกิดการแพร่กระจายเป็นกลุ่ม คลัสเตอร์จำนวนมาก การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค D M H T T จึงไม่เพียงพอ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมมือร่วมใจจากประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นมาตรการที่สำคัญในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้สามารถควบคุมได้โดยเร็วที่สุด
