กรุงเทพฯ – RISC ต่อยอดงานวิจัย พัฒนา ‘ฟ้าใส มินิ’ หอฟอกอากาศกำจัดฝุ่นและเชื้อโรค เพื่ออากาศที่ดีของเมือง พร้อมจำหน่ายโดย Dsupreme เดือนธันวาคม 2564 นี้
วันที่ 7 ธันวาคม 2564 รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC by MQDC) ระบุว่า RISC เดินหน้าไม่หยุดทำงานวิจัยภายใต้หลักการ ‘นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน’ ที่จะช่วยสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกชีวิต ตอกย้ำความสำเร็จของหอฟอกอากาศระดับเมืองอัตโนมัติแบบไฮบริด ‘ฟ้าใส (Fahsai )’ ทั้ง 2 รุ่น พัฒนาสู่ ‘ฟ้าใส มินิ (Fahsai Mini)’ หอฟอกอากาศที่มีขนาดเล็กลง ทำให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและติดตั้ง แต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ พร้อมจำหน่าย ผ่านบริษัท Dsupreme ผู้เน้นสินค้า Wellbeing Innovation ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นไป เพื่อช่วยแก้ปัญหามลพิษทางอากาศออกสู่วงกว้าง โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 และเชื้อโรคต่างๆ ในอากาศที่เรากำลังเผชิญอยู่
“RISC ตั้งใจที่จะเป็นศูนย์กลางการวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับทุกชีวิต ซึ่งผลงานวิจัยที่ออกมาได้นำมาใช้ในหลายโครงการอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัย พื้นที่สาธารณะอย่างมักกะสัน เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคม ต่อการพัฒนาประเทศ ตั้งแต่การพัฒนาและสร้างหอฟอกอากาศระดับเมืองหรือ ‘ฟ้าใส I’ ขึ้นในปี 2563 พัฒนาต่อยอดจนเกิดเป็น ‘ฟ้าใส II’ ที่สามารถเพิ่มการจัดการกับเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ ได้ในช่วงต้นปี 2564 ขณะนี้เราได้พัฒนาต่อยอดจนเกิดเป็น ‘ฟ้าใส มินิ’ ที่มีขนาดเล็กลง เข้าถึงพื้นที่แออัดในเมืองได้ ซึ่งเราตั้งใจพัฒนาใหม่ให้ทันต่อสถานการณ์ และได้ทำการทดลองและพัฒนาประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง เราจะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศนี้ ขยายสู่หลายพื้นที่มากยิ่งขึ้น” รศ.ดร.สิงห์ กล่าว
ฟ้าใส มินิ นับเป็นหนึ่งในหลากหลายผลงานวิจัยใน 7 กลยุทธ์หลักของ RISC ด้านสุขภาพและสุขภาวะที่ดี (Health & Wellness) ซึ่งมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals) ในเรื่อง Good Health and Well-Being,,Sustainable Cities and Communities และ Life on Land
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
- กทม. ร่วม"ฟูกูโอกะ" เปิดงาน "Fukuoka Fair" ฉลอง 18 ปีเมืองพี่เมืองน้อง
- ปิดตำนานนักเขียน "ตรี อภิรุม" ศิลปินแห่งชาติฯ เจ้าของผลงาน "นาคี"
- ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีฯ จัดกิจกรรม"วันกิมจิ"เผยแพร่การทำกิมจิ ผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 700 คน
ด้านนายวิฑิต อาภาพาส ประธานผู้อำนวยการ บริษัท ดี ซูพรีม จำกัด (Dsupreme) เปิดเผยว่า Dsupreme รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ RISC ให้ความไว้วางใจ Dsupreme ให้เป็นตัวแทนในการหาช่องทางจัดจำหน่าย ฟ้าใส มินิ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM 2.5 และเชื้อโรคต่างๆ ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีของทุกปี ร่วมทั้งยังเป็นการส่งเสริมคุณภาพอากาศให้กับทุกพื้นที่ สร้างสภาพแวดล้อมและสุขภาวะที่ดีของคนไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มจัดจำหน่ายได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
สำหรับธุรกิจองค์กร หน่วยงานต่าง ๆ และผู้ที่สนใจ ฟ้าใส มินิ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 061 789-2687 หรือเว็บไซต์ https://deessupreme.co.th/
หอฟอกอากาศ ‘ฟ้าใส มินิ’ นำหลักการมาจากหอดักจับมลพิษอุตสาหกรรมแบบเปียก (wet scrubber) เพื่อสร้างต้นแบบหอฟอกอากาศอัตโนมัติแบบไฮบริด (Hybrid Air Purifier Tower) ทำงานด้วยการนำพลังงานที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์ กำลังการผลิตพลังงาน ขนาด 800 วัตต์ มาใช้ร่วมกันกับระบบพลังงานไฟฟ้าทั่วไป เพื่อลดภาระการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวัน ออกแบบภายใต้แนวคิดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางสุขภาวะและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีขึ้น มีความพิเศษกว่า ฟ้าใสทั้ง 2 รุ่น คือ ขนาดเล็กกว่า เพื่อง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและติดตั้ง ส่วนประสิทธิภาพการทำงานฟอกอากาศ ฝุ่น PM2.5 และความสามารถในการฆ่าแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสได้ ยังใกล้เคียงกับทั้ง 2 รุ่น
ฟ้าใส มินิ ลดขนาดของตัวเครื่องลงเหลือความสูงเพียง 3.20 เมตร และฐานกว้าง 1.35 เมตร เพื่อเข้าถึงพื้นที่ติดตั้งได้ง่ายขึ้น ขนาดของพัดลมขาเข้า 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง จำนวน 2 ใบพัด รวมเป็น 60,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ขนาดของพัดลมขาออก 15,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง จำนวน 4 ใบพัด รวมเป็น 60,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หรือครอบคลุมพื้นที่ประมาณ ครึ่งสนามฟุตบอล
หลักการทำงานของฟ้าใสมินิ เริ่มต้นจากการดูดอากาศจากผนังด้านข้างด้วยพัดลมดูดอากาศเข้าไปใน chamber รูปทรงกระบอก ผ่านระบบหัวฉีดสเปรย์ จนเกิดรูปแบบไซโคลน (cyclonic pattern) โดย อากาศจะผ่านหัวพ่นละอองน้ำความเร็วสูง 2 ชั้นผสมกับการออกแบบแผ่นโครงสร้างดักฝุ่นละอองและเพิ่มแรงตึงผิวให้กับน้ำเพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น สามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน ที่มีขนาดเล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 และ PM 10 อากาศที่ออกมาจะผ่านการฆ่าเชื้อโรคด้วยระบบ UVGI เพื่อให้เกิดอากาศสะอาด และปล่อยลมออกมาในตำแหน่งที่คนใช้งาน โดยมีใบพัดช่วยดึงให้ได้ปริมาตรตามต้องการ ประสานระบบพลังงานไฮบริด ใช้พลังงานไฟฟ้า 600-3,000 วัตต์ต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณฝุ่นในแต่ละวัน และใช้ปริมาณน้ำในระบบเพียง 50 ลิตรต่อวัน และมีระบบหมุนเวียนน้ำบางส่วนให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยเทคโนโลยีโอโซนและระบบกรองน้ำ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: