กรุงเทพฯ – เอ็นพลัส ผู้นำด้านโซลูชั่นการย้ายที่อยู่ระหว่างประเทศระดับโลกจากญี่ปุ่น และดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) ลงนามเอ็มโอยู เสริมแกร่งธุรกิจเวิลด์ฮับ เพื่อรองรับต่างชาติ ต่อยอด MQDC ผู้นำตลาด
วันที่ 8 ธันวาคม 2564 เอ็นพลัส อิงค์ (Enplus Inc.) บริษัทขนย้ายชั้นนำระดับโลกของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ริโก้ ลีสซิ่ง (Ricoh Leasing) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับ บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ The Estate (Thailand) บริษัทในเครือของบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ริเริ่มเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในอาเซียน
ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจแบบ B2B ระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย โดยทั้งเอ็นพลัส และดิ เอสเตท จะช่วยกันเติมเต็มและเสริมสร้างประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในทุกมิติ นำเสนอโซลูชั่นการบริการและประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสให้กับลูกค้า ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทจะทำให้ เอ็นพลัส สามารถขยายธุรกิจในอาเซียน ในขณะที่ ดิ เอสเตท สามารถให้บริการแบบครบวงจรที่ พัฒนาเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าองค์กรในญี่ปุ่น และขยายฐานลูกค้าภายในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ดร.เนตรนภิศ สุขบาง ประธานผู้อำนวยการ บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด เปิเผยว่า การลงนามความร่วมมือกับเอ็นพลัสในครั้งนี้ จะทำให้ดิ เอสเตทรุก ตลาดต่างประเทศในเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น ด้วยการเป็น ‘แหล่งข้อมูลทางเลือก’ ด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับธุรกิจระหว่างประเทศ ที่กำลังมองหาโซลูชั่นที่อยู่อาศัยแบบครบ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวในประเทศไทย อีกทั้งจะเป็นเวทีสำคัญด้านความร่วมมือทางธุรกิจที่มีความเป็นไปได้ผ่านรูปแบบธุรกิจและการลงทุนในอนาคตอีกมากมาย รวมถึงศักยภาพสำหรับแพลตฟอร์มบริการที่อยู่อาศัย/บริการที่อยู่อาศัยข้ามพรมแดนแบบบูรณาการ พร้อมพัฒนาไปสู่เป้าหมายการเป็น World Expat Hub เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรระหว่างประเทศ
ข่าวน่าสนใจ:
ด้านนางสาวคานะ คุโมชิตะ (Ms.Kana Kumoshita) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นพลัส อิงค์ จำกัด (Enplus Inc.) เสริมว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ ดิ เอสเตท เพื่อขยายธุรกิจในอาเซียนและเผยแพร่ปรัชญาองค์กร ตามแนวคิด ‘More Value, Less Barrier’ (เพิ่มคุณค่าการบริการ ลดอุปสรรคความยุ่งยาก) โดยการร่วมมือกันในครั้งแรกนี้ เรามีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างรวดเร็วรวมถึงลดความซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานในการโยกย้ายที่อยู่ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กรระหว่างประเทศอีกด้วย
การลงนามความร่วมมือกับดิ เอสเทต ครั้งนี้ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ท้าทายความสามารถของเราในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาการทำงานด้านทรัพยากรบุคคลระหว่างประเทศญี่ปุ่นและภูมิภาคอาเซียนให้ง่ายขึ้นด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: