ชัยภูมิ – หลังถูกหลานชายคลั่งยาบ้าก่อเหตุเผาบ้านทิ้งวอดทั้งหลัง พร้อมขู่หากพ้นโทษจะกลับมาตามฆ่าทิ้งให้หมดยกครัว จนครอบครัวคุณยายรวม 5 ชีวิตต้องพากันหนีตายออกจากบ้าน พากันเร่ร่อนนอนริมทางตามที่ไร่นาชาวบ้านไปทั่วมานานกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา!
ล่าสุดเมื่อช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 9 ธ.ค.64 นายไกสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางลงพื้นที่บ้านที่ถูกไฟไหม้ ในเขตตำบลหนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ จากกรณีหนุ่มคลั่งยาบ้าก่อเหตุเผาบ้านตัวเองวอดทั้งหลัง และขู่ฆ่าคนในบ้าน ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ด้วยอีก 5 ชีวิต ต้องหวาดกลัวไม่กล้ากลับเข้าบ้าน ไร้ที่อยู่อาศัยทั้งคุณยายวัย 86 ปี คุณแม่ วัย 58 ปี และหลานสาวอีก 3 คน วัย 3 ขวบ,15 ปี และ 16 ปี ต้องพากันออกเร่ร่อนหานอนตามริมถนนที่นาชาวบ้านไปทั่ว ในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งหนุ่มคลั่งรายนี้หลังก่อเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่งตัวเข้าเรือนจำชัยภูมิแล้ว แต่ยังมีการข่มขู่ครอบครัวที่เหลือทั้ง 5 ชีวิตไว้ว่าถ้าพ้นโทษออกจากคุกมาจะกลับมาฆ่าทิ้งยกครัวทั้งหมด
โดยวันนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กระทรวง พมจ.ชัยภูมิ เจ้าหน้า อบต.หนองนาแซง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันลงพื้นที่ไปพบกับนางล้วน คุณยายวัย 86 ปี กับหลานสาวคนโต อายุ 16 ปี และหลานสาววัย 3 ขวบ ซึ่งพบว่าคุณยายยังมีอาการหวาดกลัว กลัวว่าหลานชายจะออกจากคุกมาทำร้ายทุกคนในครอบครัวที่เหลืออยู่รวม 5 ชีวิตอีก แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าได้ส่งตัวไปฝากขังในเรือนจำแล้ว
ทางผู้ว่าฯชัยภูมิ หลังได้ขอให้ครอบครัว 5 ชีวิตสุดรันทดครั้งนี้เดินทางกลับมาอยู่ที่พื้นที่ที่ดินบ้านตัวเองที่ถูกไหม้ไหม้ และได้พาเดินสำรวจสภาพที่อยู่อาศัยชั่วคราว ของยายและหลานสาว พบว่ามีสภาพไม่ปลอดภัย ทั้งช่วงนี้ก็มีอากาศก็ยังหนาวเย็น จึงขอให้คุณยายกับหลานไปพักในศูนย์ราชการกระทรวง พมจ.ชัยภูมิ ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว เป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อที่จะได้ระดมกำลัง จนท.เข้ามาช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ให้ที่มั่นคงปลอดภัยให้เสร็จภายในไม่เกิน 7 วันจากนี้ไปได้
ซึ่งล่าสุด นางนาฏ อายุ 58 ปี เป็นผู้เป็นแม่ของหนุ่มคลั่งขู่ฆ่ายกครัวและเผาบ้านตัวเองทิ้งครั้งนี้ และเป็นลูกสาวของคุณยายวัย 86 ปี ได้เดินทางกลับมาถึงบ้านหลังไปเก็บข้าวของที่ไปตั้งเพิ่งพักเร่ร่อนอยู่ที่ริมทางในที่นาชาวบ้านรอยต่อหมู่บ้านโคกแพงพวย ต.ลพหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ มาช่วยพูดคุย จนคุณยายยอมไปอยู่อาศัยกับบ้านเพื่อนญาติใกล้กันในขณะนี้ไปก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาเคลียร์พื้นที่และเร่งก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ตามแนวทางการแก้ปัญหาของผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ในครั้งนี้โดยเร็วต่อไปโดยจะระดมกำลัง อส.และจิตอาสา ในหมู่บ้านมาช่วยออกแรงกัน ส่วนวัสดุทางจังหวัดจะช่วยจัดหามาสนับสนุนให้
นอกจากนี้ยังให้ความช่วยเหลือน้องอายุ วัย 16 ปี ซึ่งจบภาคบังคับ ม.3 แล้ว แต่ไม่มีเงินเรียนต่อ ทางผู้ว่าฯได้รับว่าจะช่วยการศึกษาให้ได้เรียนต่อสูงขึ้นตามความประสงค์ และได้มอบเงินจำนวนหนึ่งช่วยเหลือครอบครัวคุณยายเป็นการเบื้องต้นในครั้งนี้ด้วย พร้อมประสานการประปาส่วนภูมิภาคชัยภูมิ ขยายเขตบริการเข้ามาให้ถึงบ้านคุณยายในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีระบบน้ำประปามาใช้ได้ถึงในบ้านดังกล่าวเลยต้องไปหาใช้น้ำคลองใกล้บ้านน้ำฝนที่ตกตามธรรมชาติเก็บมาไว้ใช้เองมาตลอด
ซึ่งด้าน นายไกสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวรายนี้ได้ประสานกับเหล่ากาชาด นายอำเภอเมือง นายอำเภอจัตุรัส เร่งช่วยเหลือเป็นการด่วนทันที จากเหตุการณ์นี้หลายหน่วยงานมีความเป็นห่วงอย่างมาก โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันทรโอชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ทราบเรื่องและอยากให้ลงมาดูแลต่อกรณีที่เกิดขึ้นเป็นการด่วนด้วย เพื่อให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะเรื่องของการการสร้างที่อยู่อาศัย ในเบื้องต้นได้หารือกับยายแล้ว มีข้อตกลงร่วมกันว่า ก็อยากจะให้รื้อบ้านหลังนี้ที่ไฟไหม้ออกก่อน เพราะโครงสร้างเสียหายจะคงสภาพนี้ไว้ไม่ได้นอกจากจะอันตรายแล้วยังส่งผลกระทบด้านจิตใจต่อครอบครัวยายอีกด้วย ก่อนที่ยายจะพาไปชี้จุดที่จะดำเนินการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้ที่มีเนื้อที่ไม่ไกลกัน และทางอำเภอร่วมกับ อบต.ในพื้นที่จะมาเคลียร์พื้นที่ให้เร็วที่สุดและจะเริ่มก่อสร้างบ้านใหม่ครั้งนี้โดยเร็วที่สุดต่อไป ส่วนเรื่องลูกหลานที่มีรวมอีก 5 ชีวิต ตอนนี้ก็สอบถามก็มีปัญหาอยากเรียนต่อ มีปัญหาความยากจน ก็รับปากว่าจะดำเนินการเรื่องการการศึกษาให้กับลูกหลานเพื่อให้เขาสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคตได้
ส่วนการดำเนินคดีผู้ต้องหาซึ่งเป็นหลานยายที่เป็นคนก่อเหตุ ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำชัยภูมิ ระหว่างรอรวบรวมสำนวนส่งฟ้องเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไปแล้ว ซึ่งมีประวัติเคยติดยาเสพติด แต่อย่างไรก็ตามตอนจับกุมได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายก็ไม่พบ ซึ่งครั้งนี้น่าจะมีปัญหาเรื่องเป็นผู้ป่วยโรคทางจิตจากการเสพยา และปัญหาครอบครัวที่ถูกภรรยาทิ้งไป ซึ่งทางคุณหมอสาธารณสุขจังหวัด จะส่งทีมงานจิตแพทย์ประสานกับทางเรือนจำในการประเมินสภาพจิตใจเพื่อให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์คลุ้มคลั่งจนเกิดเหตุสะเทือนขวัญแบบนี้ได้อีกต่อไป และกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่กลัวว่าครอบครัวยายติดโควิด-19 ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ทำการตรวจมีผลยืนยันเป็นลบว่าไม่มีใครติดโควิดทั้งหมดแล้ว และขอให้ทุกฝ่ายหมดความกังวลและไม่อยากให้เกิดความเข้าใจกันผิดกันต่อไปอีกในครั้งนี้ด้วย
