X

ตรัง ปมขัดแย้งพระลูกวัด กับ เจ้าอาวาส วัดนิกรรังสฤษฎ์  อ.ย่านตาขาว ขับไล่ แจ้งความกันพัลวัน

 

ตรัง – พระลูกวัดนิกรรังสฤษฎ์ ร้องสื่อถูกเจ้าอาวาสวัด ซึ่งเป็นเจ้าคณะตำบล และรักษาการเจ้าคณะอำเภอย่านตาขาวข่มขู่  ขับไล่ ปมขัดแย้งภายใน ล่าสุด มีการให้พระภิกษุ จากต่างถิ่น และกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ยศสารวัตรบุกมาข่มขู่ถึงวัด จึงเดินทางเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

พระศรชัย กันตะสีโล ร้องสื่อมวลชลหลังเกิดความขัดแย้งกับเจ้าอาวาสวัดนิกรรังสฤษฎ์  อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง โดยมีความขัดแย้งเริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนเจ้าอาวาสวัดคนก่อน (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) และต่อเนื่องมาจนถึง พระครูนิกรธรรมาทร (หลวงนัย)  เจ้าอาวาสคนปัจจุบัน  ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลย่านตาขาวและรักษาการเจ้าคณะอำเภอย่านตาขาว และตอนเจ้าอาวาสวัดคนเดิมอยู่ ก็เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหาภายในวัดนิกรรังสฤษฎ์  และรับทราบปัญหา จนกระทั่งมาถึงขณะนี้ที่ตนเองมารับช่วงเป็นเจ้าอาวาสวัดแทน

โดยพระศรชัย กันตะสีโล เล่าว่า เรื่องความขัดแย้งของตนกับเจ้าอาวาสคนก่อน เกิดขึ้นเมื่อปี 2563 มีด้วยกัน 4 เรื่อง ได้แก่  เรื่องที่ตนไปข้ามไม่ให้คู่บ่าวสาวคู่หนึ่ง เข้าถ่ายพรีเวดดิ้งภายในอุโบสถของวัดนิกรรังสฤษฎ์ เพราะมีการใส่รองเท้าเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะภายในอุโบสถจะมีประธานตั้งอยู่และเป็นที่ประกอบพิธีบวช หรือที่กราบสักการะของประชาชนทั่วไป ทำให้เกิดความไม่พอใจตามมากับคนที่อนุญาตขณะนั้น , กรณีเรื่องที่มีคนวางยาเบื่อสุนัขหลายตัว แล้วเงินเจ้าอาวาสวัดคนก่อนหายไปรวม 3 ครั้ง ครั้งละ 300 บาท 700 บาท และอีกครั้งตนเองจำไม่ได้ ทำให้มีคนเข้าใจว่าตนเองเป็นคนขโมย และเรื่องที่ตนเองเห็นสีกาคนหนึ่งเข้า-ออกกุฎิหลังหนึ่งทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน  จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกัน   ตนจึงไปหาพระครูนิกรธรรมาทร (เจ้าอาวาสวัดปัจจุบัน)  ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าคณะตำบลย่านตาขาว มาเป็นคนกลางสอบสวน ไกล่เกลี่ย  แต่ปรากฎว่าไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ แต่จะไล่ตนออกจากวัด ซึ่งตนเองก็บอกว่า ตนเองไม่ไป เพราะไม่ได้กระทำผิดอะไร แต่ที่ได้ท้วงติง เพราะไม่อยากให้เป็นความไม่ดีเกิดขึ้นภายในวัด

ต่อมา ปี 2563 เจ้าอาวาสวัดคนเก่ามรณภาพ  ทำให้พระครูนิกรธรรมาทร (หลวงนัย)  ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลย่านตาขาว และรักษาการเจ้าคณะอำเภอย่านตาขาว ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดนิกรรังสฤษฎ์รูปปัจจุบัน ทำให้ความบาดหมางดังกล่าวที่ไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ตอนเจ้าอาวาสวัดคนเก่า ส่งต่อมาถึงตนกับเจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบัน โดยเจ้าอาวาสมีการประกาศเชิงข่มขู่ตนเองว่า  เขาเคยมีพ่อเป็นคอมมิวนิสต์เก่า และเคยฆ่าคนตายมาแล้วหลายศพ  รวมทั้งการจะออกสุทธิบัตรให้แก่ตนเอง โดยตนเองบวชตั้งแต่ปี 2561 กับพระอุบัชฌาย์คือ พระครูประภาตสิกมกิจ วัดประชาบำรุง  แต่เนื่องจากตนเองป่วยไม่สบาย ต้องไปพบแพทย์โรงพยาบาลย่านตาขาวเดือนละ  2 ครั้ง  จึงขอมาประจำวัดอยู่ที่วัดนิกรรังสฤษฎ์เป็นต้นมา นับตั้งแต่บวช  แต่ยังไม่มีใบสุทธิบัตร จนต่อมาเจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบันมีการตั้งกฎว่า จะออกสุทธิบัตรให้ต่อเมื่อมีการสอบนักธรรมตรีได้ ตนก็พยายามสอบจนได้ และเจ้าอาวาสคนปัจจุบันก็ออกสุทธิบัตรให้กับตน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 แต่ใส่ชื่อในใบสุทธิบัตรว่าตนเองประจำที่วัดช่องหาย ต.ในควน อ.ย่านตาขาว ทั้งๆที่ตนเองจำวัด และประจำพรรษาอยู่ที่วัดนิกรรังสฤษฎ์มาโดยตลอดต่อเนื่องเรื่อยมา ไม่เคยไปอยู่ที่วัดช่องหายแต่อย่างใด  และหลังจากได้ใบสุทธิมา ตนเองก็จะถูกกีดกัน กลั่งแกล้งตลอดมา เช่น  ไม่ให้รับกิจนิมนต์ ตลอดทั้งไม่ให้ตนร่วมสังฆกรรมอื่นๆ  เช่น ไม่ให้ร่วมรับสังฆทาน ไม่ให้ร่วมในพิธีตักบาตรเทโว และมีการขึ้นนั่งพูดปาฐกถาบนธรรมมาสด่าว่าตนเอง และพูดจาเสียดสีตนเองให้ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดฟังหลายครั้ง  ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม จะด่าว่าหรือพูดอะไร ไม่ควรกระทำให้ญาติโยมที่มาทำบุญรับฟัง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ ซี่งตนก็ท้วงติง ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบัน  ทั้งนี้ ในช่วงเข้าพรรษาครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทางสำนักพระพุทธศาสนาได้ส่งหนังสือมาให้ทุกวัด ให้ส่งรายชื่อพระภิกษุ สามเณร ที่จะจำพรรษาที่วัดไปให้สำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดได้รับทราบ โดยปกติที่วัดนิกรรังสฤษฎ์มีพระภิกษุประจำอยู่จริงจำนวน 5 รูป รวมทั้งตนเองด้วย   แต่ทางเจ้าอาวาสวัดไม่ได้ใส่ชื่อตน และเจ้าอาวาสไปนิมนต์พระภิกษุจากวัดแห่งหนึ่งในอ.หาดสำราญจำนวน 2 รูปมาจำพรรษา และรายงานรายชื่อแทนตนเองไป  เพื่อให้ครบองค์ในการประกอบศาสนกิจสำคัญ โดยตัดชื่อตนเองออก แต่พระภิกษุทั้ง 2 รูป ก็ไม่ได้จำพรรษาที่วัดนิกรรังสฤษฎ์ตลอดเวลา แต่ไป -กลับ และมาเวียนพรรษาเอาครั้งคราวเท่านั้น  ทำให้ตนเองซึ่งจำพรรษาที่วัดนิกรรังสฤษฎ์มาโดยตลอดกลับไม่มีรายชื่อส่งไปสำนักพระพุทธศาสนาจ.ตรัง ไป ทำให้ตนเองต้องปวารณาสันโดษในการจำพรรษาที่วัดนิกรรังสฤษฎ์ และจากความขัดแย้งดังกล่าวส่งผลกระทบกับตน ทั้งเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจ ไม่ได้รับกิจนิมนต์ และเรื่องการศึกษา โดยก่อนหน้านี้ตนได้ศึกษาและสอบได้นักธรรมตรีแล้ว แต่พอเกิดเรื่องจนทำให้ตนมีสังกัดวัดไม่ชัดเจน ส่งผลให้ตนไม่สามารถเข้าสอบนักธรรมโทได้

พระศรชัย กันตะสีโล กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นตนได้ไปแจ้งความที่สภ.ย่านตาขาวมาแล้ว 3 ครั้ง   คือ กรณีเจ้าอาวาสวัดทำหนังสือขับไล่ตนเองออกจากวัด โดยให้เหตุผลว่า เพื่อลดความขัดแย้งภายในวัด โดยให้ไปอยู่กับพระอุปัชฌาย์ หรือให้ออกจากวัดภายใน 5-6 วัน และภายใน 3 วัน แต่ตนเองไม่ไป เพราะตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด โดยครั้งแรกขับไล่ เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2564 และส่งหนังสือทบทวนคำสั่งขับไล่มาอีกครั้ง เมื่อวันที่  8 พ.ย.64  ซึ่งตนยืนยันไม่ยอมออกจากวัดนิกรรังสฤษฎ์ เพราะตนไม่ได้กระทำผิดอะไร และอยู่ภายในวัดเรื่อยมา  และล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีพระบุญฤทธิ์ จากวัดนางพญา จ.นครศรีธรรมราช  พร้อมชายฉกรรจ์ ประมาณ  4 – 5  คน เข้ามาที่วัด มาพบเจ้าอาวาสวัด หลังจากนั้นเมื่อฉันท์เพลเสร็จ พระบุญฤทธิ์ พระจากต่างถิ่นรูปดังกล่าว พร้อมชายฉกรรจ์ ซึ่งต่อมาอ้างตนว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ โดยหนึ่งในนั้นอ้างว่าเป็นนายตำรวจ ยศสารวัตรชื่อ ภาคิน  ซึ่งมาพร้อมกับพระบุญฤทธิ์จากจ.นครศรีธรรมราช  และพระพงษ์ศักดิ์ ซึ่งเป็นพระลูกวัด วัดนิกรรังสฤษฎ์ ทั้งหมดเดินมาที่กุฏิของตน และสอบถาม พูดจาเชิงข่มขู่ตน โดยระบุว่า ถ้ายังมีปัญหากับหลวงนัยจะไม่เอาไว้ และให้ตนออกจากวัด ไป ตนเห็นท่าไม่ดีจึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้ โดยบันทึกภาพพระบุญฤทธิ์ไว้ได้ 1 รูป บริเวณหน้ากุฎิตนเอง และตนถูกข่มขู่ต่อไม่ให้ถ่ายรูป   ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในวันนี้ ตนจึงเดินทางมาที่ สภ.ย่านตาขาว เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัดไว้ พร้อมกับร้องสื่อมวลชน เพราะหวั่นว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยขึ้น  พร้อมเรียกร้องให้เจ้าคณะจังหวัด และสำนักพระพุทธศาสนาเข้าตรวจสอบพฤติกรรม และความขัดแย้งภายในวัด โดยเฉพาะเรื่องกรณีเจ้าอาวาสวัดข่มขู่ตนเอง  พฤติกรรมพูดจาเสียดสีต่อหน้าญาติโยม  และพูดโกหก กรณีออกใบสุทธิบัตรระบุว่าตนเองอยู่ที่วัดช่องหาย  ทั้งๆที่ตนเองอยู่วัดนิกรรังสฤษฎ์มาโดยตลอด และไม่ใส่ชื่อตนเอง ในวันส่งรายชื่อพระภิกษุจะประจำพรรษาที่วัด  โดยตนเองก็พร้อมถูกตรวจสอบ ซึ่งในความเป็นจริง ตนเองพร้อมขอขมาต่อเจ้าอาวาส เพราะคิดว่าเจ้าอาวาสเปรียบเสมือนพ่อ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายในวัด แต่ทางเจ้าอาวาสไม่มีเมตตา ไม่ต้องการจะพูดจาดีๆกับตน

โดยหลังจากการแจ้งความที่ สภ.ย่านตาขาว พระศรชัย ได้นำผู้สื่อข่าวไปดูบริเวณหน้ากุฏิ ซึ่งถูกพระจากต่างถิ่น และพระในวัด และชายฉกรรจ์ ซึ่งอ้างตนว่าเป็นตำรวจจากต่างถิ่น มาหาตน  และในวันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ไปหาพระครูนิกรธรรมาทร ที่กุฏิแต่ปรากฏว่าประตูกุฏิปิดล๊อคกุญแจไว้ และไม่พบพระครูนิกรธรรมาทร แต่อย่างใด

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน