กระบี่-กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเพิงพักชาวเล 44 แห่ง ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ภายหลังตรวจพบมีการสร้างเพิงพักกึ่งถาวร ไม่ใช่ที่หลบลมตามกล่าวอ้าง
วันที่ 23 ธ.ค.64 นายปราโมทย์ แก้วนาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชมีคำสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเพิงพักชาวเล 44 แห่ง บริเวณเกาะพีพีดอน อ่าวลันตี อ่าวผักหนาม อ่าวโล๊ะลานา หมู่ 7 และหมู่ 8 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เป็นของกลุ่มชาวประมงชาวเล บ้านเกาะจำ อำเภอเหนือคลอง ได้มาปลูกสิ่งปลูกสร้างและอยู่อาศัยเพื่อทำการประมง
โดยก่อนหน้านี้ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ได้มีการตรวจสอบและออกประกาศให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ขนำที่พักชั่วคราวของชาวประมง บริเวณดังกล่าวมาแล้ว จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 64 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 64 และต่อมาทางอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีประกาศ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 64 ชะลอการดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวประมงที่ได้รับความเดือดร้อน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 64 เจ้าหน้าที่สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ ลงพื้นที่ดำเนินการสำรวจสิ่งก่อสร้าง (ขนำที่พักกึ่งถาวร) จากการสำรวจพบสิ่งปลูกสร้างลักษณะกึ่งถาวร รวม 44 หลัง ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของชาวเลเกาะจำ ว่าได้มาอยู่ที่บริเวณดังกล่าวนานมาแล้วและบาฆัค (เพิงพักชั่วคราว) ที่สร้างขึ้นใช้เพื่อหลบคลื่นลมก็พบว่าเป็นลักษณะสิ่งก่อสร้างกึ่งถาวร สร้างอยู่บริเวณโขดหินริมอ่าว มีเจตนาที่จะยึดถือครอบครองพื้นที่ในเขตอุทยาน..และผลการอ่าน แปล ตีความ และวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ ขัดและแย้งกันกับคำกล่าวอ้างของชาวเล ที่อ้างว่ามีการปลูกสร้างและพักอาศัยอยู่มานาน ซึ่งการกระทำดังกล่าว มีเจตนาที่จะยึดถือครอบครองพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ หากปล่อยไว้ อาจก่อให้เกิดปัญหาการบุกรุกเพิ่มเติม หรืออาจมีชาวประมงกลุ่มอื่น ๆ เข้ามาดำเนินการในลักษณะนี้จนบานปลายและยากแก่การแก้ไข และอาจจะเกิดปัญหามวลชนขึ้นได้ และเพื่อรักษาไว้ซึ่งสภาพป่า ความสวยงามตามธรรมชาติ รวมถึงระบบนิเวศโดยรอบ โดยได้มีความเห็นจากหลายฝ่ายในพื้นที่เห็นควรให้อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและให้ผู้บุกรุกรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกจากพื้นที่
นายสิทธิชัย คงศรี ผู้ประสานงาน เครือข่ายชาวเลอุรักษ์ลาโว้ย เกาะจำ จ.กระบี่ เปิดเผยว่า กังวลต่อคำสั่งรื้อถอน บาฆัด เพราะบาฆัด เป็นที่พักของชาวเลมาตั้งแต่บรรพบุรุษก่อนประกาศเขตอุทยานฯ โดยใช้เป็นจุดจอดเรือ หลบคลื่นลม ที่เก็บ ซ่อมแซม อวน ไซ ลอบ อุปกรณ์ประมง จุดหลบลมมรสุม โดยจะเลือกจุด ที่สร้างบาฆัดใกล้ กับ แหล่ง ทำประมง โดยจะเปลี่ยนจุดที่สร้าง บาฆัค ปีละ 2 ครั้ง ช่วง หน้ามรสุม ตะวันตกกับตะวันออก นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ทางจิต อยู่ในเส้นทางเดินเรือของชาวเลอันดามันที่ใช้ประโยชน์ตามวิถีมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทำการสำรวจพื้นที่นำร่องตามข้อตกลงกับชาวเลให้แล้วเสร็จ ตามข้อตกลง 3 ฝ่าย ระหว่าง เครือข่ายชาวเล กับ รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมอุทยานฯ ตามผลการประชุมวันที่ 30 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาชาวเล ตามรัฐธรรมนูญ ม.70 ที่รัฐต้องให้ความคุ้มครองวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์
