ปทุมธานี – “เชตวัน-วิโรจน์” พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่สำรวจเวิ้งท่ารถรังสิตอีกรอบ พบบริเวณดังกล่าวสะอาดขึ้น แนะควรปรับปรุงเพื่อคนเดินถนนด้วย ทางด้านว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ยืนยันไม่เป็นงูเห่าแน่นอน
วันนี้ (25 ธันวาคม 2564) เวลา 13.00 น. นายเชตวัน เตือประโคน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 (ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี และ ต.คูคต อ.ลำลูกกา) จ.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมเดินสำรวจเวิ้งท่ารถรังสิตเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ทีมงานนายเชตะวันได้สำรวจและทดลองใช้ทางเดินและสะพานลอยเวิ้งท่ารถรังสิต และพบว่ายังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกหลายจุด
นายเชตวัน ระบุว่า ทุกคนต้องยอมรับตรงกันก่อนว่าเวิ้งท่ารถรังสิตมันมีปัญหา นั่นคือ บริเวณนี้มีการออกแบบที่ไม่คำนึงถึงคนเดิน เพราะเน้นความสะดวกสบายของรถยนต์เป็นหลัก จึงควรมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแม้วันนี้ที่พานายวิโรจน์ไปเดินดูด้วย จะพบว่ามันสะอาดสะอ้านจนน่าแปลกใจก็ตาม
“เพราะฉะนั้นเราจึงอยากมาช่วยกันออกแบบว่าเวิ้งท่ารถรังสิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้อย่างไร จะเป็นสกายวอล์กแบบที่ปทุมวันมีได้ไหม หรือจะเป็นทางลอดแบบที่ญี่ปุ่น-เกาหลีเขามี แล้วก็สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับคนในพื้นที่ จึงอยากชวนหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ชวนคนรังสิต ชวนหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุยกันว่าตรงเวิ้งท่ารถรังสิตนี้เราจะจัดการอย่างไร เราอยากได้แบบไหน” เชตวัน กล่าว
นายเชตวัน เผยอีกว่า จากการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมทำให้ทราบว่าผู้ดูแลสะพานลอยบริเวณเวิ้งท่ารถรังสิตจริง ๆ คือ กรมทางหลวง โดยก่อนหน้านี้ที่ได้เผยแพร่เรื่องดังกล่าวไป หลายคนเข้าใจว่าเรื่องสะพานลอยดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของเทศบาล ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริงเท่าไรนัก โดยปัญหาดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของการไม่ให้ท้องถิ่นเข้ามาดูแลในเรื่องต่าง ๆ ได้มากขึ้น
“นี่คือปัญหาที่รัฐราชการส่วนกลางทำ แต่ว่าท้องถิ่นดันถูกตำหนิ ถ้าท้องถิ่นมีอำนาจ ผมคิดว่านายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง เขาจะไม่ปล่อยเรื่องแบบนี้ให้เกิดขึ้นแน่นอน” นายเชตวัน กล่าว
นายเชตวัน ยืนยันว่าตนเองไม่เป็นงูเห่าอย่างแน่นอน เนื่องจากได้ทำงานอยู่เบื้องหลังตั้งแต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เมื่อถึงเวลาจึงได้ออกมายืนข้างหน้าเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน เพราะอยู่กับพื้นที่นี้มาอย่างยาวนาน และมุ่งมั่นตั้งใจเปลี่ยนแปลงประเทศไทย จึงขอพี่น้องประชาชนให้โอกาสตนด้วย
ทางด้านนายวิโรจน์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจเวิ้งท่ารถรังสิต พบว่าเป็นการพัฒนาแบบปะผุไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดในเชิงระบบที่คำนึงถึงวิถีชีวิตของคนที่ต้องเดินเท้า แล้วสะพานลอยหลายจุดก็มีความชัน ซึ่งไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ แม้สะพานลอยจะตั้งอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า แต่คนก็เลือกที่จะข้ามถนนเพราะระยะทางที่สั้นกว่าและเอื้อแก่คนชรามากกว่า
“มันสะท้อนวิถีการพัฒนาที่เราไม่ได้เอาชีวิตของผู้คนที่ต้องเดินเท้าเป็นหลัก แต่เราพยายามทำทางให้คนเดินหลบ มันเลยเป็นอย่างนั้น และเราไม่ได้ทำให้คนเดินเป็นหลัก” นายวิโรจน์ กล่าว
ส่วนในแง่เศรษฐกิจโดยรอบ นายวิโรจน์ มองว่า สภาพเศรษฐกิจในห้างสรรพสินค้าเริ่มพื้นตัวขึ้น ขณะที่สภาพเศรษฐกิจบริเวณชุมชนและสองข้างทางนั้น ยังไม่ได้ฟื้นตัวเท่าที่ควร
“วันนี้ต้องตั้งคำถามให้ฉุกคิดเลยว่าการพัฒนาเมือง เราควรเอาการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็นหลักไหม และเลิกพัฒนาโดยเอารถเป็นศูนย์กลางเสียที” นายวิโรจน์ กล่าว
ทำให้ในด้านนโยบายนั้น นายวิโรจน์ ยืนยันว่าทางพรรคให้ความสำคัญเรื่องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะคนในพื้นที่รู้และสามารถแก้ปัญหาได้ พร้อมชูนโยบาย “Greater Bangkok” (กรุงเทพฯ ยิ่งใหญ่ขึ้น) แก้กฎหมายให้เมืองเชื่อมต่อกันได้ เพราะ กรุงเทพฯ ปทุมธานี และจังหวัดโดยรอบ แยกกันไม่ออกไม่อีกต่อไป จึงต้องมีการพัฒนาให้โอบรับกับการอยู่อาศัยของผู้คนที่ดีที่สุด ที่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับเส้นแบ่งทางภูมิประเทศหรือกฎหมายเขตแดน
จากนั้น นายเชตวัน และนายวิโรจน์ ได้เดินพบปะประชาชน แจกโบชัวร์แนะนำตัว และแจกปฏิทินสวัสดีปีใหม่ 2565 ของทางพรรคก้าวไกล ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจและขอถ่ายรูปนายเชตวัน และนายวิโรจน์ อีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: