สงขลา – สะเดา “ ด่านนอก ” เมืองท่องเที่ยวชายแดนไทย – มาเลเซีย ความพินาศทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว รายได้สูญ หลายหมื่นล้านบาท หลังประสบภัย โควิด – 19 ยาวนาน ร่วม 2 ปี ท่ามกลางความหวัง รอเปิดประเทศ ชนิดลมๆ แล้งๆ เหลือเพียงนำเข้า-ส่งออก รอด
“ ด่านนอก ” ชายแดนไทย-มาเลเซีย ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา นับเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่รวบรวมที่พัก พร้อมความบันเทิง หลากหลายรูปแบบเอาไว้ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยม ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย ที่สามารถมาท่องเที่ยว แบบไป-กลับได้ ภายในวันเดียว และยังสามารถเดินทางต่อ ไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือไปท่องเที่ยว ในจังหวัดใกล้เคียง ได้อย่างสะดวก
ข่าวน่าสนใจ:
- นายกอบจ.สงขลาลงลุยรับเรื่องร้องทุกข์ช่วงฝนตกหนักในพื้นที่
- สงขลา อำเภอสะเดาอ่วม น้ำป่าทะลักท่วมบ้านเรือนช่วงใกล้รุ่ง นอภ.พร้อมหน่วยงานฯเร่งช่วย
- Chef’s Tableรุ่นใหม่คัดวัตถุดิบท้องถิ่นปักษ์ใต้ชั้นเลิศสู่โต๊ะอาหาร เสิร์ฟเมนูหรูไฟน์ไดนิ่ง
- สงขลา สะเดา"ท่วมหนัก" โรงเรียนประกาศฯหยุด 2 วัน ชาวบ้านครวญหนักสุดในรอบ 13 ปี
ซึ่งในแต่ละช่วงเทศกาล จะมีนักท่องเที่ยว เดินทางผ่านด่านพรมแดน เข้ามานับหมื่นคนต่อวัน เลยทีเดียว จนทำให้มีการลงทุน จากนักธุรกิจ การจ้างงาน การแสวงหาอาชีพ ที่ผู้คนจากทั่วทุกภาคของประเทศ ต่างเข้ามาปักหลักทำมาหากิน มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แม้ในระยะหลังๆ ดูเหมือนจะแผ่ว ๆไปบ้าง ตามยุคเศรษฐกิจ ที่มีขึ้นมีลง ค่าเงินเหรียญริงกิตของมาเลเซีย ที่ตกต่ำส่งผลการใช้จ่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ทั้งนี้ด้วยชาวมาเลเซีย เป็นลูกค้าหลัก ของเมืองนี้
ผู้ประกอบการ หลายราย เจียนอยู่เจียนไป ทำได้แค่พอประคับประคอง แต่ฝันร้าย ที่นับว่ามีผลอย่างใหญ่หลวง ต่อชีวิต ธุรกิจ คือ การระบาด ของโรค-19 ที่กระทบทุกอาชีพ ไม่เฉพาะเมืองด่านนอก แต่กระทบทั่วประเทศ ทั่วโลก และฝันร้าย ที่เหนือการควบคุม คือการปิดพรมแดน ระหว่าง 2 ประเทศ ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยว เดินทางเข้า – ออก นั่นคือการตอกฝาโลง ภาคธุรกิจ ท่องเที่ยว ชนิดนักมวย “ โดนน็อคหลับ กลางอากาศ “
อย่างเช่น ปีใหม่ ที่บ้านด่านนอกปีนี้ เงียบเหงาต่อเนื่อง เป็นปีที่ 2 นักท่องเที่ยว จากมาเลเซีย และสิงคโปร์ ไม่สามารถเดินทาง เข้ามาท่องเที่ยวได้ จากเดิมที่มีเงินสะพัด จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในพื้นที่ด่านนอก ปีละกว่า 10,000 ล้านบาท หายไปในพริบตา ทันทีที่ประตูด่านพรมแดน ถูกปิดลง ผ่านไป 2 ปี ด่านนอกสูญเสียรายได้ จากตรงนี้ ไปกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเทศกาลปีใหม่
ซึ่งปกติ นักท่องเที่ยว จะเข้ามาท่องเที่ยวกัน ตั้งแต่ เทศกาลคริสมาสต์ ยาวไปจนถึง ปีใหม่ แต่สองปีมานี้ ทั้งเมืองไร้นักท่องเที่ยว ไร้ แสง สี เสียง การเฉลิมฉลอง หากในช่วงต้นปี 2565 ด่านพรมแดน ไทย – มาเลเซีย ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาได้ คาดว่าจะมีธุรกิจ อีกหลายแห่ง ที่อยู่ในช่วงประคับประคอง ต้องล้มหายตายจากไปอีก อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมา ธุรกิจหลายที่ ต้องใช้เงิน เก่า เก็บ มาหมุน ขณะที่ภาครัฐ ยังไม่ได้ให้การสนับสนุน หรือช่วยเหลือด้านเงินทุน ใดๆ
ดูรายละเอียด ด่านฯ
ความหวังที่จะหาทางออก ในการฟื้นเศรษฐกิจด่านนอก คือ การดำเนินโครงการ Dannok Sandbox ตามที่ภาคเอกชน ได้เสนอ เนื่องจากด่านนอก มีความพร้อม ในเรื่องวัคซีนแล้ว คนในพื้นที่ตื่นตัว และพร้อมใจกัน ไปฉีดวัคซีน กว่า 95% ของประชากรทั้งหมดในพื้นที่ รวมทั้งชาวไทย และต่างชาติ ภาคเอกชนพร้อมทำทุกอย่าง เพื่อที่จะให้มีการเปิดด่าน รับนักท่องเที่ยว อีกครั้ง
โดยทางภาคเอกชน ขอให้ ทางรัฐบาล เร่งรัดการเจรจา กับรัฐมาเลเซีย ในการหารือโครงการดังกล่าว เพื่อกลับมาฟื้นฟู เศรษฐกิจ การค้า และ การท่องเที่ยวชุมชน บ้านด่านนอก ส่วนความหวัง ที่คาดว่า จะเปิดประเทศได้ ราวๆกลางเดือน ม.ค. 65 เอาจริงๆ ก็เหมือนจะริบหรี่เต็มที เพราะประเทศมาเลเซียเอง ประสบปัญหาน้ำท่วม อย่างหนัก อีกทั้งยังมี ตัวแปร คือ “โอมิครอน” โควิดฯสายพันธุ์ใหม่ เข้ามาเสียบ ทุกๆคนที่ตั้งตารอ จะเป็น“แม่สายบัวแต่งตัวเก้อหรือไม่ “ต้องลุ้น อีกยาวๆ
ต่างจากธุรกิจ นำเข้า-ส่งออก ที่เหมือนจะไม่กระเทือน สักเท่าไหร่ เพราะในแต่ละวัน การขนส่ง ระหว่างไทย – มาเลเซีย ผ่านทางด่านพรมแดนสะเดา รถบรรทุกสินค้า ยังจอดกันยาวเหยียด โดยในปี 63 มียอดรถสินค้า เข้า – ออก รวม 328,010 คัน ปี 64 จำนวน 471,326 คัน มูลค่าสินค้า นำเข้า-ส่งออก นับหลายแสนล้านบาท ซึ่งสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ เป็น จานบันทึกเทป อุปกรณ์หน่วยความจำ หรือจำพวก อะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินค้าส่งออก เป็นพวก เครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ ยางธรรมชาติ และ ถุงมือยาง เป็นต้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: