กรุงเทพฯ – กระทรวงคลัง เผยยอดการใช้จ่าย ตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากผลกระทบโควิด-19 ปี 2564 ทั้ง 4 โครงการ มีผู้ร่วม 41.5 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสม 2.5 แสนล้านบาท เตรียมพิจารณาปรับปรุง เพื่อออกแบบโครงการต่อไป
วันที่ 2 มกราคม 2565 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยข้อมูลการใช้จ่ายตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 ปี 2564 ทั้ง 4 โครงการ ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3, โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ, โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยมีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง 4 โครงการรวม 41.5 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสมทั้งหมด 254,281.7 ล้านบาท สรุปผลการใช้จ่าย ดังนี้
1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.55 ล้านราย ยอดการใช้จ่ายสะสมรวม 24,010 ล้านบาท
2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ผู้ใช้สิทธิสะสม 1.51 ล้านราย ยอดการใช้จ่ายสะสมรวม 2,183.3 ล้านบาท
3.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 26.35 ล้านราย จากผู้ได้รับสิทธิ 27.98 ล้านราย และมีจำนวนผู้ใช้สิทธิครบ 4,500 บาท 10.87 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 223,921.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 113,936 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 109,985.8 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 88,712.9 ล้านบาท, ร้านธงฟ้า 36,037 ล้านบาท, ร้านโอท็อป 10,843.2 ล้านบาท, ร้านค้าทั่วไป 84,160.7 ล้านบาท, ร้านบริการ 3,900.1 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 267.9 ล้านบาท
4.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 91,952 ราย จากผู้ได้รับสิทธิ 4.9 แสนราย โดยมียอดใช้จ่ายสะสมส่วนประชาชน 3,827.4 ล้านบาท มีมูลค่าการใช้จ่ายสะสมที่นำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher 3,064 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าสะสม e-Voucher ทั้งสิ้นกว่า 353.8 ล้านบาท มูลค่าการใช้จ่ายสะสมส่วน e-Voucher 339.2 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมรวมส่วนประชาชน และ e-Voucher แบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 197.6 ล้านบาท, ร้านธงฟ้า 214.4 ล้านบาท, ร้านโอท็อป 441 ล้านบาท, ร้านค้าทั่วไป 3,167.6 ล้านบาท และร้านบริการ 146 ล้านบาท
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวต่อว่า จะนำผลการดำเนินการทั้ง 4 โครงการดังกล่าว พิจารณาปรับปรุง เพื่อออกแบบโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป รวมถึงจะปรับปรุงระบบโครงการคนละครึ่ง เพื่อรองรับการเปิดโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ในเดือนมีนาคม 2565
ส่วนมาตรการช้อปดีมีคืน 2565 ที่เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและค่าบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หนังสือ e-Book และสินค้าโอท็อป ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีภาษี 2565 ซึ่งจะยื่นแบบและชำระภาษีในช่วงต้นปี 2566
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: