สระแก้ว – สภ.หนองหมากฝ้าย ชี้แจงเหตุแก๊งชายสวมหมวกไอ้โม่งลักเด็ก 2 คน พื้นที่บ้านหนองน้ำใส หมู่ 3 ต.หนองน้ำใส เป็นเหตุเข้าใจผิด เตือนอย่าใส่หมวกโม่งเข้ามาคุยกับเด็กอีก จนทำคนในหมู่บ้านตกอกตกใจ
เมื่อวันที่ 14 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภ.หนองหมากฝ้าย อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของสถานีตำรวจ ระบุว่า กรณีเมื่อวันที่ 13 ม.ค.65 เวลาประมาณ 14.14 น. สภ.หนองหมากฝ้าย ได้รับแจ้งจากประชาชนที่อยู่ในกลุ่มไลน์ “หมากฝ้าย Cyber สภ.หนองหมากฝ้าย 2” ว่ามีเหตุแก๊งลักเด็ก ที่บริเวณพื้นที่หมู่ 3 ต.หนองน้ำใส อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พื้นที่ สภ.หนองหมากฝ้าย ฝ่ายสืบสวนนำโดย พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ อินทสิทธิ์ รอง ผกก.สส.สภ.หนองหมากฝ้าย พร้อมด้วยร้อยเวรสายตรวจ ได้ลงพื้นที่หาข่าว สืบทราบว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 44 ม.3 ต.หนองน้ำใส จึงได้สอบถาม นางวาสนา เพชรวัตร อายุ 48 ปี ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. มีชายสวมหมวกไอ้โม่ง นำขนมสาหร่ายมาให้ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 5 ปี และ ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 4 ปี เมื่อเด็กชายบี ได้เปิดซองแล้ว รู้สึกแสบตา ตนเห็นว่า ชายใส่ไอ้โม่งนำขนมมาให้เด็กนั้นเป็นที่ผิดสังเกตจึงได้ตะโกนเรียกเด็กทั้ง 2 ให้เข้าบ้าน แล้วชายใส่ไอ้โม่งก็ได้ขึ้นรถกระบะแคบเปิดได้สีขาว มีโรล์บาร์ด้านหลัง ขับออกไปจากจุดเกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.หนองหมากฝ้าย จึงได้สืบสวนหาข่าวและไล่จุดกล้อง CCTV ตามจุดต่าง ๆ กระทั่งพบรถคันดังกล่าวขับออกจากบ้านหนองน้ำใส มุ่งหน้าบ้านหนองเรือ จนสืบทราบได้ว่า เป็นรถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีขาว ด้านหลังมีโรลบาร์ ทราบต่อมาว่า เจ้าของรถคันดังกล่าวคือ นายเพ็ชร ชัยฉลาด อายุ 38 ปี เป็นชาวบ้านหนองหว้า ต.โนนหมากเค็ง อ.วัฒนานคร มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง และสืบทราบได้ว่า 1 ในลูกทีมของนายเพ็ชรฯนั้น ชื่อว่า นายสมัย หรือไหม สว่างเวช อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นคนที่รักเด็ก และชอบซื้อขนมให้เด็กทานอยู่เป็นประจำ จึงได้เดินทางไปยังหมู่บ้านหนองหว้า เพื่อซักถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งนี้ เมื่อพบเจ้าหน้าที่ตำรวจพบกับนายสมัยฯ โดยนายสมัยฯก็ได้บอกกับทางตำรวจหมากฝ้ายว่า บุคคลที่ซื้อขนมดังกล่าวให้เด็กคือ ตนจริง ๆ โดยตนกับนายเพ็ชรฯ ได้รับเหมาก่อสร้างบ้านหลังหนึ่งอยู่บริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ หลังจากทำงานเรียบร้อยแล้ว อยากดื่มเบียร์ จึงได้เดินออกจากที่ทำงานไปซื้อเบียร์ แต่ยังใส่หมวกไอ้โม่งอยู่ เพราะเพิ่งออกจากงานก่อสร้าง ปรากฏว่า ร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ ปิดหมด ประกอบกับตนไม่ใช่คนในพื้นที่ จึงได้เดินเข้าซอยไป เมื่อพบเด็กชายเอและบี นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ตนซึ่งเป็นคนรักเด็กอยู่แล้ว จึงได้เดินเข้าไปพูดคุยเล่น พลางกับสอบถามทางไปร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับบอกเด็กทั้งสองว่า เดี๋ยวจะซื้อขนมมาฝากด้วย เด็กชายเอจึงบอกทางไปร้านค้าใกล้ ๆ หลังจากนั้น นายสมัยฯก็เดินไปซื้อเบียร์ 2 กระป๋อง พร้อมกับซื้อขนมสาหร่าย นำมาให้เด็กทั้ง 2 ประกอบกับ นายเพ็ชรฯ ได้ขับรถมาตาม เพื่อจะไปทำงานยังจุดอื่น เห็นนายสมัยฯ เดินอยู่ในซอยหมู่บ้าน จึงได้บีบแตรเรียก เพราะกลัวจะหลงทางกัน เนื่องจากไม่ใช่คนในพื้นที่ แล้วก็ได้ขับรถเพื่อไปยังจุดที่ทำงานต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากตำรวจได้เชิญตัว นายเพ็ชรฯ และนายสมัยฯ มายังบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. เพื่ออธิบายและเทียบเคียงเหตุการณ์ ปรากฎว่า ทั้ง 2 ฝ่าย เล่าเหตุการณ์ได้ตรงและสอดคล้องกัน จึงเชื่อว่า เป็นการเข้าใจผิดกัน นายสมัยฯได้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้คนในพื้นที่ตกใจ แต่หลังจากได้ฟังคำอธิบายแล้วชาวบ้านก็โล่งอกโล่งใจไปตาม ๆ กัน ทางนางวาสนาฯและตำรวจ ก็ได้บอกกับนายสมัยฯว่า อย่าใส่หมวกโม่งเข้ามาคุยกับเด็กอีก ทำคนตกอกตกใจ ส่วนนายสมัยฯก็ได้แซวนางวาสนาฯกลับว่า ออกมาดูเด็กช้าไปหน่อยเพราะตนเดินมาถึง 2 รอบ ส่วนตำรวจหนองหมากฝ้าย ก็แซวชาวบ้านว่า หากมีเหตุใดเกิดขึ้น ให้รีบแจ้งตำรวจก่อนที่จะนำไปโพสต์สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งกว่าตำรวจจะทราบก็ใช้เวลาพอสมควร ทำให้เกิดเสียงหัวเราะครื้นเครง ผ่านพ้นวันที่ตกอกตกใจกันไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนกรณีที่มีการสอบถามว่า มีการฉีดสเปย์ใส่ตาเด็กด้วยนั้น ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหนองหมากฝ้าย ชี้แจงว่า ไม่มีการฉีด เนื่องจากสอบถามผู้ใหญ่และเด็ก บอกว่า แสบตาตอนฉีกซองขนม คาดว่า เกิดจากผงขนมหรือไม่ก็ดินที่ติดมือตอนเด็กเล่นดินหน้าบ้านอาจจะเข้าตาเอง
————————
ภาพโดย/สภ.หนองหมากฝ้าย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: