X

ครูแก้วแนะ ป.ป.ส. และ อย.ทบทวนกฎหมายกัญชา หลังปลดล็อกจากบัญชียาเสพติด

ครูแก้วแนะ ป.ป.ส. และ อย.ทบทวนกฎหมายกัญชา หลังปลดล็อกจากบัญชียาเสพติด เดินหน้าปลูกสู่ครัวเรือน สร้างรายได้สู่ประชาชน

วันที่ 18 มกราคม 2565 นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย/รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เปิดเผยว่า กรณีมีปัญหาการตีความในข้อกฎหมาย เกี่ยวกับการแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติด 2522 รวมถึงประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่มีการแก้ไขปรับปรุง เพื่อปลดล็อกยาเสพติดประเภท 5 เช่น กัญชา กัญชง กระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติด ซึ่งฉบับแก้ไขล่าสุดประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลรวมถึงพรรคภูมิใจไทย ที่มีการแถลงนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกกัญชาเสรี เพื่อทางการแพทย์ รวมถึงเพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชน เป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือก

แต่ล่าสุดยังมีปัญหาทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)  สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) รวมถึงบางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังตีความในกฎหมายว่ากัญชายังคงเป็นยาเสพติดประเภท 5 ตนในฐานะตัวแทนประชาชน และเป็น ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่ผลักดันการแก้ไขกฎหมายปลดล็อกกัญชา ฝากให้ ป.ป.ส. รวมถึง อย. มีการทบทวนตีความกฎหมายให้ชัดเจน เพราะเหลือเพียงขั้นตอนของการประกาศกฎกระทรวง เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมาย

ครูแก้วกล่าวอีกว่าเชื่อว่าการผลักดันแก้กฎหมายครั้งนี้ ถือว่าสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้เสรี แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนในการขออนุญาตปลูก หรือส่งเสริมตามขั้นตอนที่หน่วยงานเกี่ยวข้องกำหนดไว้ โดยทุกหน่วยงานที่ดูแลกฎหมายจะต้องเข้าใจตรงกันว่า กัญชา กัญชง กระท่อม ถือเป็นพืชที่ไม่อยู่ในบัญชียาเสพติดแล้ว ข้อเท็จจริงคือ สามารถปลูกได้โดยไม่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกัญชาคนที่ปลูกไม่มีความผิด แต่ต้องขึ้นทะเบียนตามขั้นตอน ที่สำคัญกัญชาถือว่าเป็นพืชที่มีตัวยาที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ มีผลวิจัยออกมาชัดเจนรักษาได้หลายโรค ที่สำคัญยังเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกที่จะสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ จ.นครพนม ได้นำร่องดำเนินการปลูกทั้งวิสาหกิจชุมชน รวมถึงขยายไปสู่ครัวเรือนละ 6 ต้น ตามนโยบายรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย ตนขอย้ำให้ชาวบ้านมั่นใจ ไม่ต้องการให้ ป.ป.ส. และ อย. สร้างความสับสนให้ชาวบ้านอีกต่อไป เพราะอนาคตเชื่อว่ากัญชาจะเป็นพืชทางเลือกที่เกิดประโยชน์กับประชาชนทั้งการแพทย์ และด้านเศรษฐกิจ สร้างรายได้มหาศาล โดยเฉพาะนครพนม จะต้องเป็นจังหวัดที่ผลิตกัญชามีคุณภาพมากที่สุดของไทย เนื่องจากเคยมีประวัติความเป็นมายาวนานเกี่ยวกับพื้นที่ปลูกกัญชา

ด้าน นายทันใจ ณ รงสี ฐานะตัวแทนวิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ จ.นครพนม เปิดเผยว่า ปัจจุบันการผลักดันเรื่องปลูกกัญชาของวิสาหกิจชุมชน ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ในพื้นที่ จ.นครพนมสามารถปลูกกัญชาแบบโรงเรือนแล้วถึง 9 แห่ง นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการขออนุญาตอีกหลายแห่ง และมีผลผลิตส่งขายออกสู่ตลาด สร้างรายได้จริง และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ปัจจุบันกำลังขยายโครงการปลูกเสรี ไปสู่ครัวเรือนตามนโยบายของรัฐบาลครัวเรือนละ 6 ต้น ซึ่งเริ่มนำร่องปลูกไปแล้วหลายชุมชนในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ถึงแม้ปัญหาด้านกฎหมายจะไม่เรียบร้อย แต่ถือว่าการแก้กฎหมายชัดเจน กัญชาไม่อยู่ในบัญชียาเสพติดแล้ว รอแค่ประกาศกฎกระทรวงเท่านั้น อย่างไรก็ตามทางวิสาหกิจชุมชนจะขับเคลื่อนต่อเนื่อง ให้หน่วยงานภาครัฐเอกชน เข้าไปดูแลเรื่องวิชาการ ให้ความรู้การปลูก เพื่อให้ได้คุณภาพมากที่สุด เป็นกัญชาไม่มีสารตกค้าง และสามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ทั้งการปลูกแบบปิด และแบบเปิดเสรี สิ่งสำคัญที่สุดฝากถึงรัฐบาลคือเรื่องของกลไกลด้านการตลาด จะต้องมีหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ ในรูปแบบของสหกรณ์ รวมถึงการดูแลประกันราคา ไม่ให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ ในอนาคตตนเชื่อว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกที่สร้างรายได้มหาศาล เนื่องจากมีมูลค่าสูง ขายได ทั้ง ใบ ลำต้น ราก ช่อดอก มีราคากิโลกรัมละ 15,000 – 30,000 บาท  และเป็นพืชสมุนไพรที่รักษาโรคได้จริง เชื่อมั่นหากรัฐบาลวางแนวทางชัดเจน จะเกิดประโยชน์กับประชาชนแน่นอน

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน