‘อรรถวิชช์’ ปราศรัยย้ำ ขอประชาชนกาให้พรรคกล้า ‘กรณ์’ ย้ำเลือกตั้งรอบนี้ต้องดูที่ตัวผู้สมัคร เลือกนักการเมืองคุณภาพ ที่พร้อมหนุนรัฐบาลในเรื่องที่ประชาชนได้ประโยชน์
28 มกราคม 2565 เวลา 17.00 น. ที่สนามกีฬาเคหะท่าทราย พรรคกล้า จัดเวทีปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งซ่อม ภายใต้แคมเปญ “รวมพลังการเมืองคุณภาพ” โดยทางพรรคระบุว่า การปราศรัยครั้งนี้ เป็นการย้ำว่าการตัดสินใจเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ต้องเน้นที่คุณภาพของการเมืองและคุณภาพของนักการเมือง
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมจตุจักร-หลักสี่ พรรคกล้า ระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลประชาธิปไตย สิ่งที่เขาทำไม่ได้ คือการต่อสู้ระบบราชการที่ล้าหลัง แต่พรรคกล้าพร้อมที่จะเดินหน้าภารกิจนี้ เดินหน้าปรับปรุงระบบราชการล้าหลัง ซึ่งบทบาท ส.ส. เป็นตำแหน่งที่ประสานระหว่างประชาชนกับราชการได้ดีที่สุด
ข่าวน่าสนใจ:
จากนั้น นายอรรถวิชช์ เล่าถึงผลงานในอดีต เช่น การติดตามประสานให้เกิดศูนย์สาธารณสุขที่ 51, ติดตามประสานจนเกิดการเปิดทางซอยอาภาภิรมย์, ติดตามประสานให้เกิดทางลัดชั่วคราว ระหว่างถนนวิภาวดีข้างโรงงานยาคูลท์ไปถึงถนนพหลโยธิน ซึ่งทางลัดดังกล่าวช่วยแก้ปัญหาจราจรหนาแน่น และกำลังจะเป็นถนนถาวร พร้อมเขื่อนริมคลองแล้ว
โดยภารกิจ 1 ปีที่เหลืออยู่ นายอรรถวิชช์ ระบุว่าตั้งใจเข้าไปทำภารกิจคลองเปรมประชากร โดยเฉพาะเรื่องบ้านมั่นคง ที่มีความเห็นต่างกันอยู่ แต่ไม่มี ส.ส. ที่มีความสามารถเข้าไปเจรจา นักการเมืองคุณภาพมันถึงสำคัญในการเลือกตั้งคราวนี้
นายอรรถวิชช์ ปราศรัยย้ำว่า ถ้าเป็นการเลือกตั้งใหญ่ เป็นการเลือกตั้งในเชิงปริมาณ แต่การเลือกตั้งซ่อม ต้องเลือกผู้แทนที่มีคุณภาพจริง พร้อมย้ำถึงแนวคิดการลงมือทำ อยากเห็นวิธีคิดแบบปฏิบัตินิยมเกิดขึ้นในคนรุ่นใหม่ และรู้สึกดีที่การเลือกตั้งครั้งนี้ มีเพื่อนต่างพรรค ทั้งประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย มาเชียร์ พร้อมย้ำถึงประชาชนชาวจตุจักร-หลักสี่ ว่า เลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคมนี้ เข้าคูหา กาเลือกตน
ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ความหมายของ “การเมืองคุณภาพ” คือ การเมืองที่ทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น และเป็นการเมืองที่มีคุณธรรม มีหลักธรรมาภิบาลที่ดี การเมืองคุณภาพจึงต้องอาศัยนักการเมืองที่มีคุณภาพ รู้งาน ซื่อสัตย์ มุ่งมั่น และมีจิตสาธารณะ แต่วันนี้การเมืองห่างไกลจากคำว่าคุณภาพอย่างน่าใจหาย เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วัฒนธรรมการเมืองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การต้องมี “เลือกตั้งซ่อม” ครั้งนี้ ก็เพราะ ส.ส. คนเดิมถูกศาลพิพากษาว่า ไม่มีคุณสมบัติสมัครเป็น ส.ส. แต่แรก เพราะเคยรับคำตัดสินจำคุกโดยศาลในกรณีฉ้อโกง จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษประชาชนแม้แต่ครั้งเดียว
นายกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าว่า พรรคกล้าเสนอตัวเข้าไปสนับสนุนทุกเรื่องที่เรามองว่าประชาชนได้ประโยชน์ รัฐบาลเสนออะไรที่นำไปสู่การแก้ปัญหาของประชาชน เราพร้อมสนับสนุนทุกเรื่อง และหากรัฐบาลยังทะเลาะกันอยู่ เหมือนที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่แทบทุกวัน ก็จะเตือนรัฐบาลว่า อำนาจนั้นมีไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชน มีไว้เพื่อสร้างอนาคตให้กับบ้านเมือง และยิ่งหากมีประเด็นทุจริตปรากฏ เราจะไม่เว้นการทักท้วงต่อสู้ โดยไม่สนใจว่าใคร หรือพรรคใด เป็นผู้กระทำ
ในการปราศรัยช่วงท้ายของนายกรณ์ เจ้าตัวระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกผู้สมัครที่มีความรู้ ความสามารถมากที่สุดเข้าไปทำงาน เวลาในสภาเหลือไม่เกิน 1 ปี ไม่มีเวลามาฝึกงาน เราต้องการการเมืองคุณภาพ ต้องเลือกนักการเมืองที่มีคุณภาพมากที่สุดเข้าไปทำงาน
นายกรณ์ กล่าวว่า มีอยู่พรรคหนึ่งเริ่มหาเสียงอีกแล้ว ว่าจะเก็บค่าขึ้นรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย เคยหาเสียงเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่เมื่อเคยเป็นรัฐบาล ก็ไม่เคยทำ มีพรรคใหญ่อีกพรรคหนึ่งเคยสัญญาว่าจะลดภาษีให้กับมนุษย์เงินเดือน จะแจกเงินให้แม่ลูกอ่อนคนละเกือบ 2 แสนบาททุกคน นี่ 3 ปีผ่านไปไม่ได้ทำสักอย่าง ฉะนั้นเลือกตั้งวันอาทิตย์นี้สำคัญที่สุดคือ “ตัวบุคคล” ทำไมไม่ลองให้โอกาส “ความเปลี่ยนแปลง” วันอาทิตย์นี้ไม่ต้องลังเล เลือกให้อรรถวิชช์ชนะขาด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: