ตรัง ฤดูหมากมาถึงแล้ว ชาวบ้านเก็บหมากทำหมากแห้งขายได้ราคาดี กิโลกรัมละ 60 บาท คาดช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.ราคาพุ่งกก.ละ100บ. สร้างรายได้ต่อครัวเรือนฤดูกาลละ 20,000 – 50,000 บาท ขณะนี้ชาวบ้านบางรายเลือกผลหมากพันธุ์ดี เพาะกล้าหมากขายตามออเดอร์สร้างรายได้เพิ่มอีกปีละนับแสนบาท เพราะหมากเป็นที่ต้องการสูงของตลาด
หากใครขับรถเข้าไปตามตำบล หมู่บ้าน ในพื้นที่ชนบท ขณะนี้จะเห็นต้นหมากที่ขึ้นอยู่ริมทาง หรือบริเวณพื้นที่ว่างริมสวน หรือรอบบริเวณบ้านที่ชาวบ้านได้ปลูกไว้ จะเห็นว่าขณะนี้ผลผลิตกำลังเริ่มสุกเต็มต้น เท่ากับฤดูขายหมากแห้งกำลังมาถึงแล้ว โดยที่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 1 บ้านวังเข้ ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นางทิฆัมพร ชัยคีรี อายุ 54 ปี และสมาชิกในครอบครัวเริ่มทำการเก็บผลผลิตหมากที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จากต้นที่ปลูกแซมเอาไว้ทั่วไปรอบบริเวณบ้านร่วมกับไม้ผลชนิดอื่น ๆ โดยนำมาปลิดผล และเตรียมตากแดดให้แห้ง และเตรียมผ่าทำหมากแห้ง ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่เดินทางเข้ามารับซื้อถึงสวน
ทั้งนี้ ในการทำหมากแห้ง บางคนจะใช้วิธีนำผลมาตากแดดให้แห้งสัก 3 แดด จากนั้นเก็บไว้ รอถึงช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม ก็จะนำออกมาผ่าเอาเมล็ดที่แห้งแล้วรอส่งขาย แต่บางคนใช้วิธีผ่าผลสด จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้งสักประมาณ 3 แดด จากนั้นก็เก็บใส่กระสอบปุ๋ยรอพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ หรือจะนำไปขายที่จุดรับซื้อแล้วแต่จะสะดวก ทั้งนี้ สำหรับหมากแห้งจะมีพ่อค้าแม่ค้าแย่งกันซื้อ มีเท่าไรก็ไม่เพียง และราคาดี โดยปีที่ผ่านมาชาวบ้านบอกว่าขายได้ราคาสูงกิโลกรัมละ 80-100 บาท ขณะนี้เพิ่งเริ่มต้นฤดูกาล เพราะผลหมากเริ่มสุก ราคาเริ่มต้นแล้วที่กิโลกรัมละ 60 บาท และเชื่อว่าน่าจะถึงกิโลกรัมละ 80 – 100 บาท ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม
ข่าวน่าสนใจ:
- กกพ.สร้างเครือข่ายให้ความรู้ กับผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้พลังงาน
- ททท. ผนึกพันธมิตร จัดงาน "เหนือพร้อม..เที่ยว" Kick off แคมเปญ "แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง" เริ่ม 1 พ.ย.นี้
- คึกคัก "ฮาโลวีน" ภูเก็ต นทท.แต่งผีสร้างสีสัน ด้านตร.ทท.ภูเก็ต ไอเดียเจ๋ง แต่งชุดผี เสริมการท่องเที่ยว
- KCC จัดงาน "เทศกาลซอฟต์พาวเวอร์ไทย-เกาหลี" คร้ังแรกที่กรุงเทพฯ ผสานศิลปวัฒนธรรมสองประเทศ
นางทิฆัมพร กล่าวว่า รอบบริเวณบ้านตนเองเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ ก็จะปลูกผลไม้สวนผสม รวมทั้งปลูกหมากเอาไว้ด้วยจำนวนมาก แต่ละต้นให้ผลดก บางต้นผลดกมากถึง 6 ทลาย แต่ละปีตนเองทำหมากแห้งขายได้ฤดูกาลละ 40,000 – 50,000 บาท โดยปีนี้ราคาก็ดีเริ่มต้นขณะนี้ราคากิโลกรัมละ 60 บาทแล้ว เชื่อว่าจะสูงขึ้นอีก ซึ่งเป็นราคาที่ดีกว่าราคายางพารา เพราะราคายางไม่แน่นอนและตกต่ำเกือบตลอดทั้งปี ขณะนี้เหลือประมาณกิโลกรัมละ 45 -50 บาท แต่หมากแม้จะเก็บได้เฉพาะหน้าแล้ง แต่เป็นรายได้เสริมอย่างดี ใครมีมากก็ขายได้มาก โดยชาวบ้านตำบลในเตา ก็มีรายได้เสริมจากหมากเกือบทุกหลังคาเรือน โดยได้ปลูกหมากเพิ่มในพื้นที่ว่าง เพราะมองว่าเป็นรายได้เสริมได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นตนเองได้เพาะกล้าพันธุ์หมากส่งขายด้วย โดยเพาะขายมานานหลายปีแล้ว เพาะตามออเดอร์ที่สั่งเข้ามา ซึ่งจะมีออเดอร์เข้ามาทุกปีประมาณปีละ 3,000 – 20,000 ต้น โดยลูกค้าจะสั่งล่วงหน้า ก็จะเก็บเมล็ดเพาะในช่วงหน้านี้ โดยลูกค้ามีทั่วไป และปีนี้ก็มีคนต้องการกล้าพันธุ์หมากจำนวนมาก เพราะหมากราคาดี และตนก็ทราบว่า 15 ประเทศทั่วโลก ต้องการหมากแห้งจำนวนมาก จึงมีคนสนใจปลูกกันมากขึ้น สำหรับออเดอร์ล่าสุด เป็นลูกค้าจาก จ.พัทลุง สั่งออเดอร์มาจำนวน 20,000 ต้น จึงแบ่งกันเพาะกับเพื่อนบ้านคนละ 10,000 ต้น ซึ่งในการเพาะเมล็ดกล้าพันธุ์หมากขายนั้น ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ตนเองจะคัดเอาหมากที่แก่จัดที่ร่วงหล่นลงจากต้นที่เห็นว่าผลใหญ่ เปลือกบาง เนื้อหนา มาทำการเพาะในแปลงเพาะที่ทำเอาไว้ เ โดยการนำฟางและเปลือกมะพร้าวมาสับทำเป็นปุ๋ยรองพื้น เพาะไว้ประมาณ 3 เดือน ก็ย้ายออกไปใส่ถุงชำ รอต้นโตประมาณ 6 – 10 เดือน ก็ส่งขายได้ โดยหากอายุ 6 เดือน แตก 2 ใบ ราคาขายต้นละ 6 บาท หากอายุ 1 ปี ราคาขายต้นละ 12 บาท ซึ่งประมาณเดือนหก หรือพอฝนเริ่มลงลูกค้าก็จะมารับ ซึ่งมีลูกค้าสั่งซื้อเข้ามาตลอดเวลา แต่ละปีมีรายได้เพิ่มจากกล้าพันธุ์หมากอีกหลายหมื่นบาท ทั้งนี้ จะไม่เอาผลที่สอยหรือตัดลงมา เพราะหากไม่แก่จัดหรือไม่สุกเปอร์เซ็นต์งอกจะน้อยกว่าลูกร่วงใต้ต้น
ขณะที่นางวรรณวิมล หมุนกลับ อายุ 63 ปี ชาวต.หนองปรือ อ.รัษฎา แม่ค้ารับซื้อหมากแห้ง กล่าวว่า ตนรับซื้อหมากมานานแล้วประมาณ 15 ปี แรกๆราคาหมากไม่ดี แต่ระยะหลังนี้ราคาหมากพุ่งสูงขึ้นมาก โดยปี 2563 ปีละประมาณ 80 บาท , ปี 2564 กิโลกรัมละ 90 – 100 บาท ซึ่งราคาดีกว่ายางพารามาก และถือเป็นพืชเศรษฐกิจรองจากยางพารา และปาล์มน้ำมัน ตลาดต้องการหมากแห้งจำนวนมาก ตนเองแต่ละปีต้องออกตระเวนรับซื้อ ส่งขายให้กับลูกค้าจากภาคเหนือที่ด่านแม่สอด จ.ตาก ปลายทางเชื่อว่าลูกค้าส่งไปประเทศพม่า ซึ่งวิธีขายก็ติดต่อกับลูกค้าปลายทาง เมื่อทางตนเองขนหมากแห้งขึ้นรถได้ประมาณครึ่งรถเทรลเลอร์ ก็ถ่ายรูปส่งไปให้ลูกค้าปลายทางดู เขาก็จะโอนเงินมาให้ครึ่งหนึ่ง พอขึ้นเต็มคันรถก็ถ่ายให้เขาดูอีก เขาก็จะโอนเงินที่เหลือเข้ามาให้ ส่งไปขายที่ด่านแม่สอดจ.ตาก ปลายทางส่งไปพม่า ซึ่งแต่ละปีชาวบ้านมีรายได้เสริมกันจำนวนมาก
ทั้งนี้ เช่นเดียวกับคุณป้า ชาวบ้านในพื้นที่บ้านห้วยน้ำเย็น ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด ซึ่งกำลังเก็บผลหมากนำไปตากแห้ง และผ่า บอกว่าตอนนี้เริ่มต้นแล้วกิโลกรัมละ 50 บาท แต่เห็นว่าราคาจะขึ้นอีกประมาณ 80 – 90 บาท ตนเองมีรายได้ปีละประมาณ 10,000 – 20,000 บาท ชาวบ้านก็ปลูกกันมาก
ทางด้านนางสุภาณี ชัยวิเศษ อายุ 53 ปี ชาวบ้านหมู่ 8 ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด ซึ่งทำหมากแห้งเช่นกัน กล่าวว่า ตอนนี้กำลังตนและชาวบ้านกำลังเริ่มผ่าหมากแห้ง เพราะผลกำลังสุก พอผ่าซีกก็เอามาตากแดดให้ได้สัก 3 แดด ก็นำไปแคะเอาเนื้อรอส่งขาย ซึ่งราคาตอนนี้เริ่มต้นที่กก.ละ 50 บาท ดีกว่าราคายาง ซึ่งราคายางไม่ดีเลย ตนเองมีหมากอยู่ประมาณ 50 – 60 ต้น มีรายได้ทุกปีๆละ 14,000-15,000 บาท ใครมีมากก็ได้มาก ใครมีน้อยก็ได้น้อย แต่ปีนี้หมากน้อยกว่าปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้วดกกว่า มาปีนี้ผลผลิตจะลดลง จึงเชื่อว่าราคาขึ้นอีกอาจถึงกิโลกรัมละ 100 บาท เหมือนปีที่แล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: