X

ชาวบ้านบุกเข้าถือป้ายประท้วง จนท.ป่าไม้ปิดป้ายประกาศห้ามเข้าที่ดินทำกินไม่เป็นธรรม

สระแก้ว – ชาวบ้าน ต.ทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว บุกเข้าถือป้ายประท้วงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ปิดป้ายประกาศห้ามเข้าที่ดินทำกินของชาวบ้าน บริเวณหมู่บ้านทับทิมสยาม03 อย่างไม่เป็นธรรม

เมื่อวันที่ 9 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหมู่บ้านทับทิมสยาม03 ต.ทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ชาวบ้านและกลุ่มราษฎรผู้ได้รับความเดือดร้อน ตำบลทัพไทย อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว จำนวนหนึ่ง นำโดย นายยุทธพัฒน์ เพ็ชรประเสริฐ ได้บุกเข้าไปบริเวณที่ดินทำกินของตนเอง พร้อมกับถือป้ายประท้วงเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ที่ติดประกาศห้ามเข้าพื้นที่เนื่องจากเห็นว่าไม่ชอบธรรม โดยเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ภายหลังจากยื่นเรื่องร้องเรียนไปที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสระแก้ว ,คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดฯ และมณฑลทหารบกที่ 19 เรียกร้องให้ตรวจสอบพื้นที่ดินทำประโยชน์ของชาวบ้าน เพื่อพิสูจน์สิทธิ์และให้ระงับคำสั่งของเจ้าพนักงานป่าไม้ สก.11 สะแกกรอง ตาพระยา โดยให้รื้อถอนป้ายปิดประกาศที่นำไปติดตั้งเฉพาะเจาะจงพื้นที่ออกไป เนื่องจากราษฎรในหมู่บ้านทัพไทย หมู่ 1 ตำบลทัพไทย ผู้มีที่ดินทำประโยชน์ในอาณาเขตพื้นที่ของหมู่บ้านโครงการทับทิมสยาม03 ถูกเจ้าหน้าที่นำมาประกาศมาติดตั้งห้ามบุกรุกที่ดินป่าสงวนฯ มีข้อความว่า จะดำเนินคดีอาญากับประชาชนผู้ฝ่าฝืนฯ ซึ่งเป็นการห้ามเฉพาะเจาะจงบางกลุ่ม ซึ่งความจริงพื้นที่ดินในโครงการทับทิมสยาม03 ที่เป็นของกรมป่าไม้ยึดคืนมีจำนวนถึง 3,446 ไร่

นายยุทธพัฒน์ ระบุว่า กรมป่าไม้ประกาศยึดที่ดินคืน แต่เหตุใดจึงนำป้ายไปติดตั้งบังคับทางกฎหมายเฉพาะกลุ่ม หากยึดหลักที่จะยึดที่ดินคืนจากแปลงปลูกป่าโครงการทับทิมสยาม03 ไปดูแลเหมือนเดิมตามประกาศ ก็ขอให้มีการจัดทำป้ายปิดประกาศห้ามบุกรุกในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตาพระยาทั้ง 3,446 ไร่ ไม่ใช่มาดำเนินการเฉพาะที่ดินชาวบ้านเพียง 152 ไร่ นอกจากนั้น ควรให้ประชาชนที่ได้ปลูกพืชมันสำปะหลัง ขุดถอนมันออกไปขายได้อย่างปกติสุข ห้ามเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาข่มขู่ ซึ่งหากเจ้าหนักงานป่าไม้ชำนาญงานหรือหัวหน้าป่าไม้ สก.11 สะแกกรอง ตาพระยา ลุแก่อำนาจจนเป็นเหตุให้เกิดการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ย่อมมีความผิดตามประมาลกฎหมายอาญา มาครา 157

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ชาวบ้านได้ให้ข้อมูลระหว่างรวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยบอกว่า ตนเองทำกินในพื้นที่นี้มาตั้งแต่ยุคเขมรแดงอพยพออกไปตั้งแต่ พ.ศ.2536 รวมแล้วกว่า 29 ปี ชาวบ้านต้องไปต่อสู้คดีกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้หลายครั้ง ควรแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน ขณะที่ นายยุทธพัฒน์ ได้ระบุว่า ผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านทับทิมสยาม03 มองว่า ชาวบ้านที่เดือดร้อนไม่ใช่ลูกบ้านตัวเอง เป็นคนนอก ใครมาทำกินในพื้นที่จะไม่ให้ แต่ในขณะเดียวกัน คนอีกฝั่งสามารถเข้าไปทำกินได้ โดยอาศัยการประชุมประชาคมต่าง ๆ แต่ไม่ได้แจ้งให้ทราบทั่วกัน มันคือความเลวร้ายที่ผู้นำพยายามที่จะสร้างฐานอำนาจและขับไล่ประชาชน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน ผอ.สำนักบริหารป่าไม้ เขต 9 ปราจีนบุรี ,หัวหน้าส่วนป่าไม้จังหวัดสระแก้ว และหัวหน้าป่าไม้ตาพระยา สะแกกรอง พร้อมด้วย กำนันตำบลทัพไทย ผู้ใหญ่บ้านทัพไทย หมู่ 1 ตำบลทัพไทย ได้เดินทางมาเพื่อรับเรื่องร้องเรียนความเดือดร้อนของชาวบ้านทัพไทยในพื้นที่ทำประโยชน์มาแต่เดิมดังกล่าว และรับปากว่า จะลงพื้นที่ตรวจสอบความจริง กรณีมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อน และนำข้อมูลความจริงแจ้งให้ทราบ รวมทั้งกรณีที่ชาวบ้านยื่นเงื่อนไขให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ถอดถอนป้ายดังกล่าวออกไปก่อนอันดับแรกด้วย โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้และหน่วยงานต่าง ๆ ลงพื้นที่ แกนนำชาวบ้านได้มีการถกเถียงกรณีการเลือกปฏิบัติดังกล่าวอย่างรุนแรง ระบุว่า มีความพยายามจะนำพื้นที่เหล่านี้ไปเป็นแปลงปลูกหญ้าให้ควายและวัวกิน จะไม่ให้คนทำมาหากินหรืออย่างไร ความเป็นจริงชาวบ้านไม่ได้บุกรุก เพราะเค้าเอาพื้นที่ของเค้าทำประโยชน์ ผืนป่าเขตอุทยานแห่งชาติปักแล้วเป็นสัดส่วน ชาวบ้านไม่ได้บุกรุก พื้นที่เดิมตรงนี้ เคยถูกเขมรแดงยึดครอง ก่อนปี 2529 ชาวบ้านเคยทำกินมาก่อนและเข้ามาปกป้องและบุกเบิกหลังเขมรแดงออกไปจนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว ได้นำเอกสารของทางราชการมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูด้วยเช่นกัน

—————————

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"