พิษณุโลก รวบแล้ว 4 ผู้ต้องหา บุกยิงหนุ่มเก็บเงินกู้ ตำรวจนำตัวชี้จุดเผยปมเหตุ เรื่องรถจักรยานยนต์และขัดแย้งส่วนตัว เผยปืนเป็นของคนตายยืนยันไม่ได้เจตนาฆ่าแต่ต่อสู้กันแล้วเกิดปืนลั่น
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ที่ก่อเหตุบุกยิงหนุ่มเก็บเงินกู้คาวงเหล้าเสียชีวิต มาชี้จุดประกอบสำนวนคดี ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวมาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 4 รายให้การภาคเสธฯ สารภาพเป็นคนลงมือจริง แต่ไม่ได้เจตนายิง หรือฆ่าให้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุมีการทะเลาะกันทางโทรศัพท์และผู้ตายได้ท้าทายกลุ่มตนจึงมาตามคำท้าแต่ผู้ตายกลับถือปืนออกมาจึงเกิดการยื้อแย้งจนเกิดปืนลั่น
ข่าวน่าสนใจ:
พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ได้กล่าวว่าสำหรับคดีดังกล่าวเป็นเหตุอุกอาจสะเทือนขวัญประชาชน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุได้สั่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ได้เบาะแสว่ากลุ่มของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิต รู้จักกันเป็นกลุ่มที่เคยทำงานร่วมกันจึงออกหมายจับเมื่อวานนี้ และผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย คือ นายพงศกร โตสุวรรณ์ อายุ 35 ปี / นายอรรถพล เสือเปรม อายุ 27 ปี / 3.นายปริญญา สามล อายุ 33 ปี และ นายสาธิต พานโย อายุ 35 ปี และสามารถจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 รายให้การภาคเสธฯ อ้างว่าร่วมกันลงมือจริงแต่ไม่ได้เจตนาฆ่าเพราะปืนเป็นของผู้เสียชีวิต จะยิงพวกตนก่อนจึงเข้าชาร์ท และมีการต่อสู้กันจนเกิดเหตุปืนลั่น 2 นัด จนนายแจ๊ค หรือนายวีระพงศ์ แพงเพ็ชร หรือแจ็ค อายุ 33 ปี ถูกปืนลั่นใส่บริเวณหน้าอกจนเสียชีวิตดังกล่าว
จากการสอบสวน ส่วนปมเหตุเบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุและผู้ตายเคยเป็นเพื่อนที่รู้จักอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่ต่อมานายวีระพงศ์ได้ขอยืมรถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุมาใช้จนพัง แต่สุดท้ายกลับไม่ซ่อมให้จึงมีเรื่องบาดหมางผิดใจกันเรื่อยมา กระทั่งคืนก่อเหตุได้มีการโทรศัพท์ท้าทายกันจนกลุ่มผู้ต้องหามาเพื่อเคลียร์ปัญหาจนเกิดการทะเลาะวิวาทกันและยื้อแย่งอาวุธปืนระหว่างนายอรรถพล เสือเปรม และนายวีระพงศ์ แพงเพ็ชร (ผู้ตาย) จนเกิดปืนลั่นดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การของกลุ่มผู้ต้องหา ต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมายืนยันพวกคราบเขม่าดินปืน วิถีกระสุนอีกครั้ง
เบื้องต้นได้ทำการตั้งข้อหา ทั้ง 4 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองฯ” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: