กรุงเทพฯ – ศบค. คงระดับพื้นที่สีและมาตรการควบคุมโควิด-19 กำชับ 26 จังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวเข้มงวดการใช้มาตรการ ขอประชาชนป้องกันเหมือนเดิม หวังฉุดยอดผู้ติดเชื้อลง พร้อมรักษาบรรยากาศใช้ชีวิต เดินหน้าเศรษฐกิจ
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน ยังคงระดับพื้นที่สถานการรณ์ทั่วราชอาณาจักร โดยพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 44 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 25 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) 8 จังหวัด ไว้ก่อน เพื่อตรึงมาตรการ และให้ประชาชนทำงาน ใช้ชีวิตส่วนตัว และคงบรรยากาศพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กัน ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นหลักหมื่นคนต่อวัน หากเพิ่มขึ้นอีกอาจกระทบบรรยากาศท่องเที่ยวให้เปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด มีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว หลังการผ่อนคลายมาตรการเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว เห็นได้จากการติดเชื้อรายวันมากกว่าครึ่ง มาจากจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว โดยการติดเชื้อวันนี้ พบว่า มาจาก 8 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว 5,435 คน และ 18 จังหวัดที่มีพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวบางอำเภอ 3,792 คน ซึ่งพื้นที่นี้มีมาตรการผ่อนคลาย ขาย-ดื่มสุราในร้านได้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อรวม 2 พื้นที่นี้พบว่า ติดเชื้อประมาณ 8 พันกว่าราย ก็ประมาณ 50-60% หรือครึ่งหนึ่งของการติดเชื้อรายวันมาจากพื้นที่เหล่านี้ มาจากการย่อหย่อนมาตรการหรือไม่ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ซึ่ง ผอ.ศบค.เป็นห่วง และให้แต่ละจังหวัดควบคุมดูแลจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผู้เสียชีวิต วันนี้ ยังเป็นกลุ่ม 607 มีโรคเรื้อรังและอายุมากกว่า 60 ปี รวม 96% แต่มีเด็กอายุ 8 เดือนเสียชีวิต 1 ราย จ.ชลบุรี ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงด้วย
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า จากการคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข ผลของมาตรการควบคุมโรค ไตรมาสแรก ของปี 2565 เปรียบเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ พบว่า ทะลุเส้นสีเขียวที่ผู้ติดเชื้อต่อวันไม่เกิน 10,000 คน และกำลังไต่ระดับไปที่เส้นสีแดง ที่มีผู้ติดเชื้อต่อวัน 20,000 คน จากคาดการณ์โอกาสติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นช่วงปีใหม่ และหากมีการย่อหย่อนการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค จะทำอย่างไรไม่ให้ไปถึงเส้นสีแดง ถึงสีเทาหรือสีดำ ที่มีผู้ติดเชื้อวันละ 40,000-50,000 คน ซึ่งต้องขอความร่วมมือ ใช้ความสามัคคีของทุกคนเพื่อกดกราฟสีแดงลงมา
ที่ประชุม ศบค. ยังเห็นควรให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจเอทีเค (ATK) ได้สะดวกและบริการเหมาะสม โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) คาดการณ์ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 ประชาชนซื้อเอง ราว 56,000 คน/วัน ราคาจะลดลงจาก 80 บาท เป็น 55 บาท ส่วน ATK โดยหน่วยบริการ 50,000 คน/วัน ราคาจะลดลงจาก 300 บาท เป็น 250 บาท สำหรับการตรวจ RT-PCR โดยหน่วยบริการ 23,000 คน/วัน ราคาจะลดลงจาก 1,200 บาท เป็น 900 บาท หวังว่าค่าใช้จ่ายจะลดลง
โฆษก ศบค. ยังเปิดเผยถึงผลการเปิดรับนักท่องเที่ยว หลังรับลงทะเบียนในระบบ Test & Go อีกครั้ง พร้อมปรับเงื่อนไขใหม่ ตั้งแต่ 1-9 ก.พ.65 มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศแล้ว 32,713 คน จากปี 2564 ที่เปิดรับนักท่องเที่ยว 427,869 คน นอกจากนี้ ยังมีระบบการอนุมัติการเข้าประเทศ Thailand Pass Hotel & Swab System ซึ่งจะมีการตรวจคัดกรองด้วย RT-PCR และมีระบบการติดตามนักท่องเที่ยว จะมีการส่งข้อมูลไปยังระบบทุกชั่วโมง เพิ่มความมั่นใจให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด
อันดับแรก คือ กทม. 3,019 คน ตามด้วย สมุทรปราการ 979 คน ชลบุรี 785 คน นนทบุรี 615 คน ภูเก็ต 412 คน สมุทรสาคร 347 คน นครปฐม 318 คน ราชบุรี 314 คน ปทุมธานี 302 คน และนครศรีธรรมราช 297 คน นายกรัฐมนตรีขอให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบ 10 จังหวัดนี้ ถ้าคุมได้จะทำให้มาตรการและตัวเลขต่าง ๆ ของประเทศลดลง ซึ่ง กทม.ก็ขึ้นหลัก 3 พันรายแล้ว จึงอยากให้ใช้มาตรการระดับจังหวัดลงไปควบคุม
