จากกรณีชาวประมงพบรถเก๋งจมในคลองชัยนาท-ป่าสัก บริเวณหมู่ 5 ต.เสือโฮก อ.เมืองชัยนาท เจ้าหน้าที่ทำการกู้ขึ้นมาได้พบว่าเป็นรถที่มีร่องรอยเฉี่ยวชนได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นรถที่ก่อเหตุแล้วหลบหนีนำรถไปทิ้งลงคลองเพื่ออำพรางคดี จากการตรวจสอบพบว่ามีอุบัติเหตุเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์เสียชีวิตแล้วหลบหนี ในพื้นที่ ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี มีผู้เสียชีวิตชื่อ นายนที บี่สา (แบงค์) อายุ 22 ปี จากนั้นได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปั๊มน้ำมันใกล้ที่เกิดเหตุพบว่าลักษณะรถคล้ายกัน สภ.เมืองชัยนาท จึงส่งรถเก๋งคันดังกล่าวให้ สภ.สรรคบุรีดำเนินการพิสูจน์หลักฐาน และยืนยันว่าเป็นรถที่ก่อเหตุเฉี่ยวชนทำให้มีผู้เสียชีวิตจริง ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ.65 นายปิยะ แดงศรี อายุ 24 ปี คนขับรถเก๋งที่เกิดเหตุ เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สรรคบุรี รับสารภาพและรับทราบข้อกล่าวหา
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ก.พ.65 มารดาของ นายปิยะ ได้เดินทางไปที่วัดบ้านหนอง ตำบลตลุก อำเภอสรรพยา เข้าขอขมาศพนายนที บี่สา (แบงค์) แทนลูกชายพร้อมนำพวงหรีดผ้ามามอบด้วย แต่ทางญาติไม่ยินยอม และไม่รับพวงหรีด ขอให้ผู้กระทำมาขอขมาด้วยตนเอง จึงได้มีการนัดหมายกันใหม่ ผ่านทางกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาเมื่อเวลา 17.20 น. นายประทิน ช้างน้อย กำนันตำบลตลุก ได้พาตัวนายปิยะ เข้าขอขมาศพน้องแบงค์ โดยมีผู้ติดตามมาด้วยกว่า 30 คน ท่ามกลางความโกรธแค้นของญาติๆ และเพื่อน โดยเฉพาะแม่ของน้องแบงค์ ได้เข้าผลักอกนายปิยะแล้วถามว่า “ทำไมไม่ช่วยน้องพาส่งโรงพยาบาล ถ้าช่วยน้องแม่จะไม่ว่าเลย”
ระหว่างนั้นญาติได้พยายามเข้ารุมทำร้ายนายปิยะ โดยมีกลุ่มเพื่อนๆ คอยกันไว้ จากนั้นได้เข้าทำการขอขมาศพ และกราบขอโทษแม่ของน้องแบงค์ เพียงครู่เดียว เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายและรุนแรงขึ้น เพื่อนของนายปิยะร่างสูงใหญ่ได้ประกบตัวพาหนีขึ้นรถในทันที จากนั้นได้ทยอยกันขึ้นรถกลับโดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
น.ส.มนทกานต์ พี่สาวของน้องแบงค์ กล่าวว่า การมาขอขมาศพครั้งนี้ทางเรายังไม่เป็นที่พอใจ เพราะที่เขามากัน เขามาเป็นร้อย แล้วไม่มีตำรวจมาสักคน อยากรู้ว่าตำรวจไปไหนหมด ทำไมไม่มาดู ทางเราไม่มีอะไรเลยแต่เขามากันเป็นร้อย เขาเป็นกลุ่มคนเก็บเงินกู้ ทำไมไม่มีตำรวจมาด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเอาไม่อยู่ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะพูดขอดำเนินคดีตามกฎหมายดีกว่า โดยกำหนดฌาปนกิจศพในวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 15.00 น.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: