ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงพื้นที่ติดตามชม หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ (นปพ.) หรือชุด”สิงห์ดำ”ซ้อมแผนจับคนร้าย 2 คนเข้าชิงทองและจับพนักงานในร้านเป็นตัวประกัน ที่ประจวบฯ พร้อมย้ำการทำงานต้องมีความปลอดภัยทั้งตำรวจและตัวประกัน เร่งสร้างเครือข่ายประชาชนตาสับปะรด
วันนี้( วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565) พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมชมการซ้อมแผนชิงตัวประกันร้านทอง ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมี พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมรอง.ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ และผกก.จากทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ ทั้งนี้สืบเนื่องจากในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในรอบปีที่ผ่านมา มีเหตุอาชญากรรมที่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วย เช่นเหตุบุกจี้ร้านทอง ,ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และเกิดเหตุชาวต่างชาติยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ ขณะนำหมายศาลเข้าค้นบ้าน และการเข้าจี้ร้านทองในพื้นที่อื่นๆซึ่งเกิดขึ้นถึงแม้ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมได้ก็ตาม แต่สิ่งสำคัญต้องมีแผนป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น และต้องเตรียมความพร้อมของตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จึงสั่งการให้ตำรวจในสังกัด เตรียมความพร้อมเผชิญเหตุ ในการเข้าควบคุมสถานการณ์และที่สำคัญคือความปลอดภัยในชีวิตของเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน และความปลอดภัยของตัวประกันถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ซึ่งในการซ้อมแผนชิงตัวประกันร้านทองครั้งนี้ มีกำลังของหน่วยปฎิบัติการพิเศษหรือ”หน่วยสิงห์ดำ ” ซึ่งก่อตั้งมานานแล้วและการฝึกทบทวนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหน่วยนี้มีความชำนาญในการใช้อาวุธหลากหลายประเภท ทั้งปืนยาว ปืนลูกซอง พลซุ่มยิง หน่วยเก็บกู้ระเบิด ซึ่งในวันนี้มีการจำลองเหตุการณ์ ขณะคนร้ายจำนวนสองคนขับรถยนต์ มาจอดและทำทีเสือกซื้อทองในร้าน และใช้อาวุธปืนสั้นเข้าชิงทองรูปพรรณและจับพนักงานร้านทองไปเป็นตัวประกันและหลบหนีซุกซ่อนยังบ้านหลังหนึ่ง โดยมีตำรวจในพื้นที่ไล่ติดตามรถยนต์คันก่อเหตุและล้อมจับคนร้าย จากนั้นจึงประสานมายัง หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์( นปพ. ชุดสิงห์ดำ) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เข้ามาเสริมและมีการเจรจากับคนร้าย ซึ่งจับตัวประกัน 1 คนเอาไว้ จนสามารถช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำ
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า ได้กำชับให้ตำรวจในสังกัดภูธรภาค 7 ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ เมื่อเกิดเหตุการณ์จริง ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เริ่มต้นจากการเจรจากับคนร้าย และความชำนาญในการใช้อาวุธทุกรูปแบบ ทั้งนี้ การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ในด้านงานป้องกัน ให้ตำรวจทั้ง 104 สถานีในสังกัดตำรวจภูธรภาค7เก็บรวบรวมข้อมูลคนร้าย หรืออดีตนักโทษที่เพิ่งพ้นโทษในคดีอุกฉกรรจ์ ในการเฝ้าระวังเหตุ ให้ทุกสถานีตั้งกลุ่มไลน์ประชาชน อย่างน้อยกลุ่มละ 500 คน ซึ่งเป็นเครือข่ายตาสับปะรด เพื่อสร้างมาตรการป้องกันและปราบปรามได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งแนะนำผู้ประกอบการต่างๆ ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดหรือสัญญาณเตือนภัยในร้านค้า เพื่อใช้เป็นหลักฐานที่สามารถติดตามคนร้ายได้หากเกิดเหตุอาชญากรรม
อย่างไรก็ตามหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 หากในพื้นที่ไม่สามารถหรือต้องการของกำลังเสริม ก็จะมีการจัดส่ง หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 7 หรือชุดอินทรีย์ 7 เดินทางมาเสริมทันที
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: