เจ้าของร้านเหล้า เซ็ง โดนพิษโควิดต้องปิดร้านตามคำสั่งรัฐ แต่ด้วยค่าเช่าที่แพงจนสู้ไม่ไหวเตรียมเซ้งร้าน ถูกโจรขาเป๋ปั่นจักรยานมาตัดสายไฟที่ต่อจากร้านออกมาต่อป้ายด้านหน้าร้าน โดยในช่วงนี้พื้นที่อำเภอบางพลี ได้มีการลักทรัพย์ในลักษณะนี้บ่อยครั้ง จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะรูปร่างใกล้เคียงกันถึง 3 เหตุ
เมื่อเวลา 12.00 น วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 นางสาวฮัทตา บินติอาดัม อายุ 35 ปี เจ้าของร้านเหล้าแห่งหนึ่ง บนถนนตำหรุ – บางหลี ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นำคลิปภาพจากกล้องวงจรปิด มาเปิดให้ผู้สื่อข่าวดู ถึงพฤติกรรมคนร้ายลักษณะเป็น ชาย 1 ราย ปั่นจักรยานมาจอดบริเวณหน้าร้านในช่วงกลางดึก ก่อนที่จะลักตัดสายไฟที่เชื่อมระหว่างภายในไปที่ป้ายไฟหน้าร้าน
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
- สูงวัยตรัง ปลื้ม เตรียมตัวรับเงินหมื่น ฝันใช้ยามแก่-ต่อยอดอาชีพบั้นปลาย
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
- หนุ่มวัย 30 ขับกระบะหาห้องพัก เฉี่ยวชนกับรถมอไซค์ จึงจอดลงไปเคลียร์ ถูกกระบะตู้เย็นชนดับคาที่
โดยกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้าน สามารถจับภาพพฤติกรรมทั้งหมดขณะก่อเหตุ โดยคนร้าย ลักษณะเป็นชาย รูปร่าง ผอม สูง เดินขาเป๋ ปั่นจักรยานมาจากแยกคลองขุด บางพลี มาจอดบริเวณหน้าร้าน ก่อนจะนำจักรยานจอดพิงไว้ข้างเสาไฟฟ้า เดินมาดึงสายไฟที่ต่อออกมาหน้าร้านแล้วตัด ก่อนจะเดินไปตัดสายไฟที่ป้าย แล้วจึงเดินกลับมาม้วนสายไฟ เก็บเข้าถุงที่อยู่ด้านหลังจักรยาน ก่อนจะปั่นหลบไป
จากการสอบถามนางสาวฮัทตา เจ้าของร้านเล่าว่า ร้านนี้ตนเปิดเป็นร้านเหล้า ด้วยสถานการณ์โควิด จึงปิดตามคำสั่งรัฐ และ ด้วยค่าเช่าที่แพง ทำให้ตนตัดสินใจจะเซ้งร้าน จึงได้เปิดดูร้านพบว่าสายไฟที่ต่อออกไปยังป้ายหน้าร้านถูกตัดไป ตนจึงได้ไปดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ พบว่าคนก่อเหตุปั่นจักรยานมาคนเดียว จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ บางพลี เมื่อวานที่ผ่านมา
โดยที่สักเกตุว่าในช่วงนี้ในพื้นที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้มีการลักทรัพย์ ในลักษณะนี้บ่อยครั้ง โดยจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในที่ผ่านมาไม่นาน พบว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะรูปร่างใกล้เคียงกัน ถึง 3 เหตุ แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับผู้ก่อเหตุร้ายนี้ได้ ทั้งที่ตระเวนก่อเหตุไม่เว้นวัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: