ตรัง วินาทีระทึก ตำรวจล่าคนร้ายบุกเดี่ยว ทำทีขอดูทอง ขอลองแหวนทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง ก่อนลองใส่แล้วเชิดหนี หน้าด้าน ๆ หลบหนี ฝ่าไฟแดง ชนท้ายรถชาวบ้าน จนมุมตำรวจ
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รับแจ้งเกิดเหตุคนร้าย เพศชาย บุกเข้าวิ่งราวทรัพย์ เป็นแหวนทองคำ จากร้านห้างทองศาสตร์สุวรรณ สาขาตลาดลำภูรา เลขที่ 154/17 ม.6 ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยคนร้ายได้ขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า โซโลนา สีบรอนด์ ป้ายทะเบียน กจ 6241 ตรัง มาจอดบริเวณหน้าร้านทอง ก่อนจะเข้ามาพูดคุยกับพนักงานขาย และขอดูแหวนทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง เมื่อพนักงานหยิบแหวนให้ดู คนร้ายทำทีลองแหวน แล้ววิ่งหนีออกจากร้านทองไปขึ้นรถยนต์เก๋งที่จอดไว้ทันที โดยขับมุ่งหน้าไปทางค่ายทหารพระยารัษฎานุประดิษฐ์ มุ่งหน้าอำเภอห้วยยอด ทางพนักงานร้านจึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจท้องที่ ให้สกัดจับคนร้ายดังกล่าว หลังรับแจ้งทางตำรวจ สภ.ห้วยยอด ได้เร่งออกไปที่เกิดเหตุ ระหว่างทางสวนทางกับรถคนร้ายตามที่ได้รับแจ้ง จึงได้เลี้ยวกลับเพื่อไล่ล่าติดตาม สกัดให้จอด แต่คนร้ายได้ขับฝ่าไฟแดงไปทุกแยก จนกระทั่งถึงบริเวณ 3 แยกหมอนุ (หรือสามแยกด้านข้างที่ว่าการอำเภอห้วยยอด) ซึ่งกำลังมีการตั้งเต้นท์ และมีพระภิกษุสงฆ์ประมาณ 7 รูป พร้อมด้วยชาวบ้าน กำลังติดตั้งเต้นท์ และตกแต่งสถานที่ เพื่อเตรียมทำบุญใหญ่บริเวณ 3 แยก ที่ได้เกิดลมพายุพัดและลูกเห็บตกทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นเสียหาย และทำให้เกิดไฟฟ้าดับทั่วเมือง เมื่อสัปดาห์ก่อน
โดยคนร้ายก็ได้ขับฝ่าไฟแดง ทำให้เฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะนิสสัน นาวารา 4 ประตู ป้ายทะเบียน กท 5965 ตรัง ของชาวบ้านกลางแยกไฟแดง และรถเสียหลักหมุนคว้างและจอดอยู่ในเต้นท์เหนือฟุตบาทในลักษณะหันหัวรถกลับไปบนถนน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไล่ล่าไปทัน สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อคือ นายมนต์ชัย หลูหลำ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/1 หมู่ 6 ต. วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง พร้อมของกลางเป็น แหวนทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง ไว้ได้ เบื้องต้นตำรวจตรวจสอบภายในรถยนต์เก๋งของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ ไม่พบอาวุธ หรือ สิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด ในขณะที่ผู้ก่อเหตุยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก จากนั้นได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทองดังกล่าวทันที
จากการสอบถามผู้ต้องหา ยอมรับว่า ก่อเหตุอยากได้ทองไปทำอะไร ก็บอกว่า อยากเอาไปขาย เพราะอยากจะได้เงินเอาไปใช้จ่าย โดยคนร้ายให้การแบบวกวน ตำรวจจึงแจ้งข้อหา วิ่งราวทรัพย์ในเวลากลางวัน โดยใช้ยานพาหนะในการหลบหนี และนำตัวตรวจหาสารเสพติด แต่ไม่พบสารเสพติดแต่ประการใด
ทางด้านนางจุฑามาศ แก้วทอง ชาวบ้านเจ้าของรถยนต์กระบะคันที่ถูกชน จนไฟท้ายด้านซ้ายได้รับความเสียหาย กล่าวว่า ตนเองเดินทางมารับลูกชายวัย 5 ขวบที่เรียนพิเศษ ได้เลี้ยวซ้ายเพื่อจะมุ่งหน้าไปทางแยก รพ.ห้วยยอด เพื่อกำลังจะขับรถกลับบ้าน แต่พอเลี้ยวรถคนร้ายได้ขับฝ่าไฟแดงมา พุ่งชนท้าย จนได้รับความเสียหาย รถคนร้ายก็หมุนไปจอดในเต้นท์จัดงาน พอตนเองลงจากรถพร้อมลูกชาย ก็เห็นตำรวจ และรถตำรวจขับมาและจอด พร้อมกับอาวุธครบมือ ตนเองตกใจ จึงดึงมือลูกชายวิ่งหนีข้ามถนนเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ พอตั้งสติได้ จึงกลับมา ก็พบว่าตำรวจไล่ล่าคนร้าย
ขณะที่ พนักงานร้านทอง เล่าให้ฟังว่า คนร้านเป็นชายลงจากรถเก๋งเข้ามาสอบถามจะซื้อแหวนทองคำ 1 วง เมื่อพนักงานให้ดูแหวนวงที่พอใจและสวมใส่กับนิ้วได้ คนร้ายได้ใช้จังหวะดังกล่าวเดินแบบเร็วออกมาจากร้านและวิ่งขึ้นรถยนต์เก๋งที่จอดหน้าร้าน ทันใดนั้นพนักงานร้านทองก็กดสัญญาณเตือนภัยและแจ้งตำรวจทราบ โดยตำรวจมายังที่เกิดเหตุ พนักงานร้านทองจำลักษณะรถยนต์เก๋งและทะเบียนรถคนร้ายได้จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับทัน พนักงานบอกว่าคนร้ายดูท่าทางปกติมาก มาคนเดียวขับรถเก๋งมาจอดลงมาถามซื้อแหวนอย่างเดียว ทองรูปพรรณอื่นไม่ถามซื้อ เมื่อได้แหวนที่ถูกใจก็วิ่งหนีขึ้นรถยนต์เก๋งทันที ไม่มีอาวุธ ไม่ข่มขู่
เบื้องต้นตำรวจตรวจสอบภายในรถยนต์เก๋งของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ ไม่พบอาวุธ หรือ สิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด ในขณะที่ผู้ก่อเหตุยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรกอีกทั้งยังโชว์พระเครื่องและสร้อยคอทองคำที่แขวนติดคอมาอวดตำรวจและผู้สื่อข่าวอีกด้วย
หลังจากทำแผนเสร็จสิ้น ตำรวจชุดจับกุมก็นำตัวนายมนต์ชัย หลูหลำ ผู้ต้องหา มาทำการสอบสวนชั้นจับกุม พร้อมด้วยทองรูปพรรณแหวนหนัก 2 สลึง จำนวน 1 วง ที่คนร้ายชิงมาจากร้านทองศาสตร์สุวรรณ ส่วนรถยนต์เก๋งที่ใช้ก่อเหตุและขับหลบหนีตำรวจก็นำมาจอดที่ สภ.ห้วยยอด เพื่อจะทำการตรวจสอบต่อไปในประกอบในสำนวนดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ต่อไป
