เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 27 ก.พ. 65 ที่ห้องประชุมที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานประชุมการเยียวยาเหตุน้ำมันรั่วกลางทะเลกับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน หลังมีการเปิดเวทีเจรจากับทางบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด(มหาชน) มาแล้ว 3 รอบ ยังไม่ได้ข้อสรุป จนกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ประกาศยกระดับนำเรือ 2,000 ลำ ปิดอ่าวมาบตาพุด โดยการประชุมฯดังกล่าว มีนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง และตัวแทนกลุ่มประมงพื้นบ้าน 18 กลุ่ม ร่วมประชุมหาทางออก
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี และรมว.ทช.มีความห่วงใยปัญหาการเยียวยาชดใช้ให้แก่กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านดังกล่าว ซึ่งวันนี้ได้มาพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มชาวประมง 18 กลุ่ม มีข้อเสนอหลากหลาย ได้รับข้อเสนอมาพร้อมจะเข้าไปคุยเจรจากับอีก 30 กลุ่ม เพื่อให้ได้ข้อสรุปตกผลึกก่อนจะนำข้อสรุปส่งให้บริษัทฯ พิจารณา โดยยึดคำสั่งศาลกรณีการเยียวยาน้ำมันรั่วปี 2556 เป็นเกณฑ์การขอชดใช้ โดยจะมี ผวจ.ระยอง เข้าไปพูดคุยกับทางบริษัทฯ ยืนยันยึดประโยชน์ประชาชนสูงสุด
นอกจากนี้ในเรื่องสภาพท้องทะเล และคุณภาพน้ำทะเล รมว.ทช.ได้เน้นย้ำสิ่งที่เกิดขึ้นได้กระทบกับสิ่งแวดล้อม จะต้องมีการดำเนินคดีอย่างเต็มที่ ควบคู่กับการฟื้นฟู จะต้องสำรวจพื้นที่ผลกระทบจากสารโลหะหนัก และสารปนเปื้อน โดยถ้ากระทบจะต้องเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดี และเร่งสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวด้วย
ด้านนายสุรินทร์ สินรัตน์ คณะกรรมการสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กจังหวัดระยอง กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติจะไปเจรจาให้ทางบริษัทฯ จ่ายเงิน 75,000 บาทให้กลุ่มชาวประมงก่อน ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของ 150,000 บาท โดยใช้เกณฑ์ของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ กรณีน้ำมันรั่วปี 2556 เป็นหลัก และถ้าหากบริษัทฯ ไม่จ่ายเงินจำนวน 75,000 บาท ก็ขอให้จ่ายก้อนแรกต้องมากกว่า 30,000 บาท เนื่องจากค่าครองชีพปี 2556 เทียบกับปี 2565 ไม่ได้ ทั้งนี้ถ้าหากบริษัทฯ ไม่ยอมรับทั้ง 2 เงื่อนไข จะนำเรื่องสู่กระบวนการชั้นศาล โดยการฟ้องร้องยึดคำอุทธรณ์ หรือคำฎีกาของศาลฎีกากรณีน้ำมันรั่วปี 2556 ที่จะตัดสินในวันที่ 2 มี.ค.นี้ เป็นเกณฑ์ยื่นฟ้องร้องบริษัทฯ ขอเยียวยาต่อไป.
