นครศรีธรรมราช:ลือหึ่ง! เตรียมรวมตัวอัปเปหิ อธิการบดี มรภ.นศ.หลังลุแก่อำนาจ นายกองค์การบริหาร นศ. เดือด! ร่อนหนังสือให้ทบทวนการกระทำ ขูดรีดนักศึกษา แนะ ควรเป็นแบบอย่างที่ดีก่อนออกกฎ
จากกรณีที่ผศ.ดร.ฆนัท ธาตุทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ได้เพิ่มความเข้มข้นเรื่องระเบียบวินัยจราจรกับนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย พร้อมออกประกาศกฎระเบียบข้อบังคับใช้ รวมถึงอัตราโทษปรับที่สูงถึง 200 บาท กับนักศึกษา หากฝ่าฝืนหรือกระทำความผิด ให้ไปเสียค่าปรับที่งานการเงิน กองกลาง สำนักงานอธิการบดี ซึ่งประกาศดังกล่าวออกเมื่อวันที่ 9 พ.ย.61 ระบุ”อัตราค่าละเมิดต่อภาระการรักษาวินัยจราจร อาศัยอำนาจข้อบังคับของทางมหาวิทยาลัย ตามความข้อที่ 12 และ 14 ด้วยกัน 8 ข้อ ให้มีผลบังคับใช้ในทันทีหลังออกประกาศ ลงชื่อ ผศ.ดร.ฆนัท ธาตุทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นภายในองค์กรเป็นอย่างมาก ระหว่างนักศึกษากับผู้บริหาร มองว่าเป็นการเอารัดเอาเปรียบ ขูดรีดนักศึกษา และสร้างความเหลื่อมล้ำสองมาตรฐาน หลังผู้ออกกฎระเบียบกระทำความผิดเอง
ล่าสุด องค์การบริหารนักศึกษาภาคปกติได้ออกหนังสือด่วนถึงอธิการบดี เรื่องให้ทบทวนและแก้ไขชี้แจงประกาศดังกล่าว พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจให้กับนักศึกษา หลังจากที่ประกาศข้อบังคับนี้ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักศึกษาทุกคน และก่อให้เกิดปัญหาความวุ่นวายภายในองค์กรมหาวิทยาลัยอย่างมาก โดยระบุว่า อัตราค่าปรับไม่เกิน 200 บาท “ถือเป็นอัตราที่สูงในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ ควรให้เป็นการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้กำกับดูแล รวมถึงข้อบังคับการขับขี่รถ จยย.ที่มีผู้ซ้อนท้ายเกิน 1 คน ควรอนุโลมเนื่องจากนักศึกษาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกัน ได้ลดค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครอง และจอดรถในที่ห้ามจอด ควรมีสถานที่จอดให้เพียงพอกับรถของนักศึกษา และผู้บริหารควรเป็นแบบอย่างให้กับนักศึกษาปฏิบัติตามประกาศอย่างเท่าเทียม”
โดยร้องขอให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อทบทวนและแก้ไขชี้แจงประกาศฉบับดังกล่าวอย่างเร่งด่วนเพื่อความเข้าใจในการปฏิบัติตามประกาศฉบับใหม่ได้ด้วยความเรียบร้อย และเกิดประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยส่วนรวม ลงชื่อนายพงศธร ส้มแป้น นายกองค์การบริหารนักศึกษา ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช 22 พ.ย.61 ซึ่งภายหลังออกหนังสือนายพงศธร ส้มแป้น นายกองค์การบริหารนักศึกษา ถูกอธิการบดีเรียกเข้าพบเป็นการส่วนตัว พร้อมถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศโดยรวมภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช หลังจากที่ ผศ.ดร.ฆนัท ธาตุทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่เดือน ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นไปทุกระดับชั้นและมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ตั้งแต่ผู้บริหาร คณาจารย์ยันแม่บ้าน โดยเริ่มจากปัญหาการยึดพื้นที่อาคาร “ศูนย์วัฒนธรรมภายในมหาวิทยาลัย” ที่ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ อดีตอธิการมหาวิทยาลัย ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ใช้เป็นสถานที่ทำงานและจัดเก็บเอกสารข้อมูลการนำเสนอผลักดัน”พระบรมธาตุนครศรีธรรมราชขึ้นเป็นมรดกโลก”คืน การโยกย้ายถ่ายโอนตำแหน่งผู้บริหาร ข้าราชการ ลูกจ้าง รวมถึงแม่บ้านทำความสะอาด โดยล่าสุดได้ออกหนังสือคำสั่งปลด ดร.นพรัตน์ ชัยเรือง ผอ.รร.สาธิตฯ ออก และให้ ผศ.ดร.ถนอม เลขาพันธ์ คณบดีคณะครุศาสตร์ มารักษาราชการแทน โดยไม่มีเหตุผล พร้อมทั้งไม่ต่อสัญญาให้กับครูผู้สอนกว่า 50 คน และได้ออกประกาศรับสมัครครูผู้สอนใหม่ ทั้งๆที่ครูผู้สอนทุกคนยังอยู่ในระหว่างสัญญาจ้าง 3 ปี อีกทั้งจะมีการขึ้นราคาค่าเช่าสถานที่ร้านอาหารจากผู้ประกอบการภายในมหาวิทยาลัยเป็นเงินอัตราเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จาก 16,000 บาท/ปี เป็น 60,000 บาท/ปี จนเกิดปัญหาบานปลายขึ้น และล่าสุดมีกระแสข่าวว่าจะมีการยุบสถานีวิทยุของทางมหาวิทยาลัย โดยให้เหตุผลว่าไม่ก่อให้เกิดรายได้ขึ้นภายในองค์กร
อย่างไรก็ตามประเด็นปัญหาที่ค่อนข้างร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ ที่เกิดขึ้นกับนักศึกษา หลังจากที่มีการออกกฎระเบียบข้อบังคับด้านการจราจรและอัตราค่าปรับที่สูง โดยมองว่าเป็นการเอาเปรียบขูดรีดนักศึกษาอย่างมาก ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบัน และสร้างความเหลื่อมล้ำสองมาตรฐาน หลังมีการแชร์ภาพรถยนต์ส่วนตัวของอธิการบดี กระทำความผิดโดยการจอดในพื้นที่ห้ามจอด ทับเส้นขาวเหลือง บริเวณตึกอธิการบดี และมีคำสั่งให้นักศึกษาทำการเปลี่ยนแปลงจุดจอดดังกล่าว โดยการนำสีไปทาทับใหม่ จากขาวเหลือง เป็นขาวดำแทน ไม่รวมปัญหาข้อกังขาระหว่างผู้ปกครองที่มีต่อตัวผู้บริหาร หลังสั่งห้ามไม่ให้เด็ก นร.ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของ รร.สาธิตฯเรียนพิเศษ จนเกิดกระแสอื้ออึงออกมาอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องว่าจะมีการรวมตัวกันของเหล่าผู้ปกครอง ครู นักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้า ชาวบ้านที่ทราบข่าวเพื่อขับไล่ ผศ.ดร.ฆนัท ธาตุทอง อธิการบดีออกจากพื้นที่ เนื่องจากลุแก่อำนาจ สร้างอิทธิพลโดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม รวมถึงจะทำการล่ารายชื่อถวายฎีกาให้ปลดออกจากตำแหน่งอธิการบดีในไม่ช้านี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: