ตรัง รพ.เรียกลูกคุย กรณี ติดใจแม่ป่วยไตตายด้วยโควิด คุยไม่ลงตัว ไม่เยียวยา รพ.พยายามโบ้ยลูกนำโควิดติดแม่ลูกเชื่อแม่ติดโควิดตายจากรพ.ท้าพิสูจน์งัดหลักฐานแสดง
วันที่ 4 มีนาคม 2565 จากกรณี นางประจบ เป้าทอง อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/2 ม.5 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ได้ป่วยเป็นโรคไตและเกาท์ เป็นผู้ป่วยติดเตียงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา โดยมีลูกสาวชื่อ นางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม อายุ 56 ปี ทำหน้าที่นอนเฝ้าดูอาการแม่ของตัวเอง จนถึงวันที่ 10-13 ก.พ.ได้ขอผลัดเปลี่ยนเวรกับพี่สาว ตนเองขอกลับบ้านและมาทราบ ซึ่งในระหว่างนั้นก็รู้สึกไม่สบายตัวก็ได้ไปทำการตรวจหาเชื้อโควิด 19 พบติดเชื้อโควิด 19 และมั่นใจว่าติดเชื้อโควิดมาจากโรงพยาบาลตรังอย่างแน่นอน ขณะที่เฝ้าดูแลแม่ตนเองไม่ได้ไปไหนต้องระมัดระวังแต่ก็ยังติดเชื้อ ซึ่งโดยปกติแล้วญาติๆที่เฝ้าทุกคนต้องผ่านการสวอปก่อนจะที่ขึ้นตึกเฝ้าไข้ผู้ป่วยได้ ส่วนพี่สาวที่มาช่วยเฝ้าไข้ได้ทำการสวอปแต่ผลเป็นลบ ในขณะที่แม่ที่นอนรักษาโรคไตกลับติดโควิด ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลจึงได้แยกตัวและพาเข้ารักษาตามขั้นตอน จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่วนตนเองรักษาตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 15 วัน โดยลูกๆติดใจแม่ป่วยโรคไตรักษาตัวในรพ.แต่กลับติดเชื้อโควิด-19 ลงปอดเสียชีวิต ด้านนายแพทย์สมบัติ สธนเสาวภาคย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง เผยเตรียมประสานเข้าพูดคุยกับญาติ แจงข้อเท็จจริง และในส่วนเรื่องของการเยียวยาเนื่องจากว่าทางกระทรวงสาธารณสุขไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ก็จะทำการพูดคุยกับญาติต่อไป เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย
คืบล่าสุดวันนี้ ( 4 มี.ค.65) เวลา 14.00 น. ที่โรงพยาบาลตรัง นางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม อายุ 56 ปี ลูกสาวของนางประจบ เป้าทอง อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/2 ม.5 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ที่เสียชีวิต ได้เดินทางเข้าพูดคุยกับนายแพทย์ศักดิ์วุฒิ รัตตานุกูล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรังและพยาบาลหัวหน้าวอร์ด ชั้น 4 ที่แม่นอนรักษาตัวอยู่ในตึก 298 โรงพยาบาลตรัง เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุดังกล่าว โดยใช้เวลาในการพูดคุยกันเกือบ 2 ชั่วโมง ภายในห้องประชุมเฟื่องฟ้าชั้น 2 ของโรงพยาบาลตรัง
ด้านนางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม บอกว่า จากการพูดคุยกันเขาแจ้งว่าญาติเป็นคนนำเชื้อมาติด ซึ่งตนเองยอมรับว่า ตอนนั้นได้ไปงานศพจริงแต่ไปแค่ให้ซองแล้วก็กลับ ไม่ได้นั่งกินข้าวหรือนั่งสังสรรค์ภายในงาน แล้วตนเองก็ได้ถามต่อว่าทางโรงพยาบาลมีหลักฐานอะไรที่ได้ยืนยันเช่นนี้ ทางโรงพยาบาลมีหลักฐานการเข้าออก ซึ่งตนยอมรับว่าได้ออกไปงานศพจริงแต่กลับมา ทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้ตรวจ ATK ให้ตน ซึ่งตนเองก็สรุปได้ว่าที่พูดคุยกันก็ไม่อยากให้ตนเองติดใจเอาความ เพราะโรงพยาบาลไม่มีค่าเยียวยาตรงนี้ให้ ตอนนี้ก็ได้ถามต่อไปว่าถ้าหากตนเองจะดำเนินเรื่องต่อทางโรงพยาบาลจะเดือดร้อนไหม เขาก็ชี้แจงกลับมาว่าให้ช่วยเห็นใจ ในส่วนประเด็นตรวจ ATK เก็บ 500 นั้นก็ได้เคลียร์ปัญหาตรงนั้นเรียบร้อยและเข้าใจกันแล้ว แล้วก็มานั่งพูดประเด็นเรื่องที่ญาตินำเชื้อมาติดแม่ ซึ่งตนเองบอกว่าตัดสินตรงนี้ไม่ได้ แล้วตนเองยืนยันได้ว่าไม่ได้นั่งหรือกินข้าว ถ้าหากว่าติดโควิคงานศพก็จัดไม่ได้ และคนที่ไปงานศพก็คงติดโควิดกันหมดแล้ว แต่ที่งานศพไม่มีใครเป็นเลย เอาเงินทำบุญไปให้ก็กลับซึ่งจำวันไม่ได้ เขาอ้างเหตุผลตรงนี้มา หลังจากนี้ตนขอกลับไปคุยกับพี่ๆน้องๆบรรดาญาติๆที่บ้านก่อนว่าจะดำเนินการยังไงต่อ ตอนนี้ก็ยังติดใจที่ทางโรงพยาบาลพยายามหาว่าญาติเป็นคนนำเชื้อเข้ามา ซึ่งทางโรงพยาบาลได้แจ้งว่าขออย่าติดใจเอาความเพราะไม่มีเงินเยียวยา และเบื้องต้นตอนนี้ตนรู้สึกยังไม่สบายใจ ทางโรงพยาบาลขาดความรับผิดชอบและได้บอกกับเขาไปว่ามาพูดอย่างนี้ไม่ถูก โดยตรงนี้ตนเองยอมรับว่าได้ไปงานศพจริง แต่กลับมาทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้ตรวจ ATK ตนเอง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าติดมาจากตน
ข่าวน่าสนใจ:
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
- ตรัง "เมนูลูกปลาปิ้งเครื่อง" จับปลาสดๆจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย
- หมดวาระอบจ.ตรัง รุ่งขึ้น “บุ่นเล้ง” เปิดตัวทันควัน ใช้ชื่อ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” แทน “ทีมกิจปวงชน” ชูนโยบาย “รวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนตรังให้เป็น 1”
- คอกาแฟแห่เที่ยวงานพังงาคอฟฟี่เจอร์นี่ ซีซั่น 3 ภายใต้รูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Coffee in the Park ในสวนสมเด็จฯพังงา
ส่วนทางด้านนายแพทย์ศักดิ์วุฒิ รัตตานุกูล รองผู้อำนวยการรพ.ตรัง ปฏิเสธให้ข้อมูลและสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ตามจากกรณีดังกล่าว เคยเกิดขึ้นแล้วที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาทาง สปสช.เขต 12 สงขลา มอบเงินเยียวยา 4 แสนบาท ให้ลูกของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 หลังติดเชื้อใน รพ. จากผู้ป่วยเตียงด้านข้าง ซึ่งทางกองทุนเยียวยาได้มอบเงิน 4 แสนบาท ให้กับทางครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ทั้งนี้จะอยู่ที่ข้อมูล ข้อเท็จจริงและอยู่ที่คณะอนุกรรมการมาตรา 41 จะเป็นผู้พิจารณา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: