สมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนม ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับเป็นที่ 38 ปี จัดพิธีเรียบง่ายภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด
วันที่ 5 มีนาคม 2565 ณ ศาลาการเปรียญวัดธาตุฝุ่น เขตเทศบาลเมืองนครพนม นายบัณฑิต แสงวิจิตร นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะกรรมการ ที่ปรึกษา และสมาชิก ร่วมกันทำบุญตักบาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ผู้สื่อข่าวที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งปีนี้การจัดอยู่ในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด ทางสมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนม ตระหนักดีว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิดในพื้นที่ยังไม่เบาบางลง จึงจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมพิธีทำบุญ โดยไม่มีการออกการ์ดเชิญเหมือนปีที่ผ่านมา ถือเป็นการทำบุญภายในสมาคมฯเท่านั้น
สมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนม ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2527 โดยการรวมกลุ่มของนักข่าวในพื้นที่จำนวนหนึ่ง นายกสมาคมฯคนแรกชื่อนายสมจิต สุดสงวน อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยนิยม และหนังสือพิมพ์ส่วนกลางอีกหลายฉบับ โดยสมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนม มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมวิชาการข่าวสาร หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ และเทคโนโลยี สารสนเทศรวมไปถึงสื่อสังคมออนไลน์ จึงถือเป็นองค์กรสื่อท้องถิ่นเอกชนที่มีผู้สื่อข่าวครบทุกเครือข่าย และเป็นที่ยอมรับของภาครัฐ เอกชน ประชาชน ตลอดจนองค์กรต่างๆเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมนักข่าวฯมีระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวด ซึ่งยุคต่อๆมาก็ยึดถือปฏิบัติเรื่อยมา โดยทุกวันที่ 5 มีนาคมของทุกปีซึ่งเป็นวันนักข่าว หรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ สมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนมจะจัดพิธีทำบุญกุศลส่วนกุศลแก่ผู้สื่อข่าวที่ล่วงลับ โดยไม่มีการจัดงานรื่นเริงใดๆทั้งสิ้น และก็ยึดถือปฏิบัติมาถึงปัจจุบันแล้ว 38 ปี
อนึ่ง รายได้จากการร่วมบริจาคทำบุญของแขกที่มาในงาน หักค่าใช้จ่าย อาทิ อาหาร น้ำดื่ม ฯลฯ จะนำเงินสุทธิทั้งหมดเข้าบัญชีสมาคมฯ เพื่อไว้สำหรับในการดูแลสมาชิกที่เจ็บไข้ได้ป่วย ถือว่าผู้บริจาคทุกท่านได้บุญกุศลที่ยิ่งใหญ่มาก
วันที่ 5 มีนาคมของทุกปีถือเป็น “วันนักข่าว” หรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ โดยหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในเวลานั้น จะมีประเพณีที่ทราบกันระหว่างสำนักข่าวกับผู้อ่านว่า วันที่ 6 มีนาคมของทุกปี จะไม่มีหนังสือพิมพ์วางจำหน่าย เนื่องจากเป็นวันหยุดงานประจำปีของนักหนังสือพิมพ์ แต่ก็ยังมีหนังสือพิมพ์บางฉบับแอบออกวางจำหน่ายในวันที่ 6 มีนาคม เนื่องจากประชาชนในฐานะผู้อ่านเกิดความตื่นตัว และมีความต้องการที่จะบริโภคข่าวสารมากขึ้น ทำให้หนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆ ต้องเลิกประเพณีดังกล่าวไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: