X

สระแก้ว แม่ร้องเด็ก 10 ขวบ ปวดท้องไส้ติ่งอักเสบจนเพ้อ หมอรีรอจนไส้ติ่งแตกตายไม่ถึง 24 ชม.

สระแก้ว – คุณแม่วัย 39 ปี คับแค้นใจ ลูกชายวัย 10 ขวบ แค่ปวดท้องไปรักษาตั้งแต่ 4 ทุ่ม ตรวจพบว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ หมอและพยาบาลรีรอจนเด็กทนไม่ไหวเพ้อและไส้ติ่งแตกตาย หลังเข้าไปรักษาไม่ถึง 24 ชม. เรียกร้องให้ รพ.รับผิดชอบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านคาใจ รู้ว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบทำไมไม่ผ่าตั้งแต่แรก

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากครอบครัวของ ด.ช.สงกรานต์ หรือ”น้องกานต์” สีทอง อายุ 10 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 61/1 ม.2 บ้านเขามะกา ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เขตรอยต่อ ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว หลังพาลูกชายซึ่งมีอาการปวดท้องอย่างหนักไปรักษาที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ซึ่งเป็น รพ.ที่ใกล้ที่สุด ใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็พาเด็กมาถึง รพ.ตั้งแต่ช่วง 4 ทุ่มเศษ หมอตรวจพบว่า ไส้ติ่งอักเสบแต่ไม่ผ่าตัดซักทีจนเด็กตาย ต้องการให้ รพ.เข้ามารับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดย นางสายหยุด สีทอง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 ม.2 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แม่ของเด็ก เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษคืนวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา พาลูกชายไปหาหมอเพราะเด็กปวดท้อง ที่ตึกอุบัติเหตุ รอซักประวัติและทำตามขั้นตอนทุกอย่าง พยาบาลให้น้องไปดูอาการข้างในห้องฉุกเฉิน หมอมาตรวจจะให้น้องไปตรวจฉี่กับเจาะเลือด และเอ็กซเรย์ก่อน และหมอมาตรวจ น้องบอกหมอว่าปวด หมอมาจับมากดบริเวณท้อง น้องบอกปวดเหมือนเดิม หมอบอกว่า ไส้ติ่งอักเสบ ให้รอและให้แม่เอาเอกสารมาเช็คสิทธิ์ ให้น้องนอนบนเตียง ให้แม่เอาเอกสารไปยื่น เอาน้ำเกลือมา

แม่ของเด็ก เล่าต่อว่า พยาบาลบอกว่าจะต้องให้เด็กนอน รพ.หลังจากอาจารย์หมอมาดู ก็บอกคอนเฟิร์มว่า น่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ ณ ตอนนั้นไม่ได้มีการผ่าตัดให้เด็กทั้งที่น้องบอกว่า ปวดมาก ให้รอ ให้เอ็กซ์เรย์อีกที แต่ให้รอก่อน ออกจากห้องฉุกเฉินไปเจาะเลือดอีก 2 ครั้ง เจ้าหน้าที่ให้รอและตรวจ ATK โควิดฯ ให้น้องเข้าไปตอน 5 ทุ่ม ตอนนั้นน้องเริ่มบอกว่า ปวดท้อง หายใจไม่ออก ขณะอยู่ในห้องฉุกเฉิน พยาบาลบอกว่า น้องตื่นเต้นรึเปล่า ตนบอกน้องปวดท้องไม่ได้ตื่นเต้น มีหมอเดินมาถาม น้องก็บอกว่า ปวดตรงนั้น ตรงนี้ ยังถามอีกว่าตื่นเต้นรึเปล่า หมอยังย้อนถามอีกเป็นโควิดรึเปล่า แต่ให้รอ ซึ่งผล ATK ออกมาเด็กปกติไม่ได้ติดโควิด

“ตอนนั้นน้องบอกกับแม่ว่า ปวดท้องปวดมากจริง ๆ เวรเปลพาน้องไปห้องสแกนคอมพิวเตอร์ช่วงเกือบตี 1 น้องบอกว่า หายใจไม่อิ่ม เจ้าหน้าที่พาน้องไปสแกนคอมพิวเตอร์แล้วนำออกมา บอกว่า สแกนไม่ได้ น้องหายใจไม่อิ่ม จึงรอดูอาหารบนตึก พอนำเด็กขึ้นตึกกุมารเวชฯ ชั้น 3 เจ้าหน้าที่ส่งเอกสารให้เซ็น มีพยาบาลมาซักประวัติ ตอนนั้นน้องบอกปวดมาก จนตีหนึ่่ง แม่ขอพยาบาลออกมาเอาของที่บ้าน มีการส่งน้องขึ้นตึกตอนตี 2 แม่ออกจาก รพ.มาเอาของที่บ้าน กลับไปก็มีการให้ยาฆ่าเชื้อกับยาแก้ปวด แขวนในสายน้ำเกลือแล้ว จนช่วงตี 3-4 น้องถามแม่ว่า ทำไมแม่ไปนานจัง ก็คุยกันบอกให้ลูกนอน ลูกบอกนอนไม่ได้ เหมือนเวียนศีรษะตลอดเวลา ตอนนั้นเวลาเดินไปเรื่อย ๆ แม่อยู่ข้างเตียงลูกพร้อมกับจับมือน้องไว้ตลอดเวลา” นางสายหยุด เล่าพร้อมกับร้องให้ไปด้วยว่า

ได้นั่งคุยกับลูกไปซักพักเหมือนน้องมีอาการไข้ขึ้น พูดไม่ตอบสนองโต้ตอบเช่นเดิม จึงเรียกพยาบาลมาดูบอกว่า น้องปวดท้อง พยาบาลมาดูวัดไข้ วัดความดัน จึงให้เอาผ้ามาเช็ดตัวในห้องแยกผู้ป่วยตึกกุมารเวช ชั้น 3 ให้แม่เช็ดตัวจนไข้เริ่มลด ลูกมีอาการเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน คุยไปจนตี 4 กว่าเกือบตี 5 น้องเริ่มมีอาการเพ้อ พูดไม่รู้เรื่อง ถามโน่นนี่ อันนี้อะไร ไม่ใช่ของหนูไม่เอา พยายามจะแกะและดึงสายที่ฉีดยาออกจนยื้อไม่ไหว จึงเรียกพยาบาลมาช่วย เขาเข้ามาดูและเอายามาให้อีกหลอด มาวัดไข้และความดัน หลังจากน้องเริ่มเพ้อหนักขึ้น ในช่วงเช้าตี 5 ถึง 6 โมงของวันที่ 4 มี.ค. น้องไม่รู้เรื่องแล้ว พยาบาลโทรไปหาหมอ จนหมอมาดูบอกให้เช็ดตัว ให้แม่ไปซื้อผ้าเช็ดตัวที่เซเว่นฯ มาเช็ดตัว เห็นหมอและพยาบาลมารุมที่ตัวน้อง จึงรีบตะโกนบอกลูกว่า แม่อยู่ตรงนี้นะครับ ๆ

คุณแม่ของน้องกานต์ เด็กที่เสียชีวิต เล่าต่ออีกว่า แม่ยืนรออยู่ข้างนอก พอน้องสงบได้ซักพัก ไม่รู้ว่ามีการฉีดยาอะไรให้ หมอถามอะไรน้องก็ไม่ตอบ เมื่อตนเข้าไปคุยกับลูก ถามว่าลูกจำได้มั้ยว่าชื่ออะไร ลูกก็บอก สงกรานต์ สีทอง ครับ แต่น้องเริ่มมีอาการเหม่อลอย ๆ ตนคิดว่า ลูกจะได้ผ่าตัด ตอนนั้นมีอาจารย์หมอมาดู น้องมีอาการนิ่ง ๆ และเบลอสลับกับโวยวายด้วย พยาบาลมารุมจับน้องให้นำยาและเครื่องมืออื่น ๆ มา มีการจับน้องมัดแขน มันขา เนื่องจากน้องดิ้นเพราะความเจ็บปวด ตอนนั้นหมอเดินมาบอกแม่ว่า อาการน้องหนักนะคุณแม่ หลังจากตี 5-6 โมง ส่งน้องไปทำสแกนคอมพิวเตอร์ในอาการเพ้อ หลังมีการรุมใส่สายเครื่องมือต่าง ๆ พร้อมจะพาน้องเข้าห้องผ่าตัด มีใส่สายและมีที่ปั๊มหัวใจด้วย จนช่วงเวลา 09.33 น.มีการนำน้องเข้าห้องผ่าตัด และให้แม่เซ็นเอกสารและแม่นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด กระทั่งประมาณ 10 โมงกว่า เจ้าหน้าที่นำน้องออกมา หมอบอกว่า ยังไปกับน้องไม่ได้ น้องต้องไปตึกอุบัติเหตุห้องไอซียู 2 ก่อน

“หมอที่ผ่าตัด ออกมาและบอกว่า น้องอาการหนักมาก 50-50 หมอผ่าท้องน้องแล้ว พบว่า ใส่ติ่งแตก หนองเต็มท้องเลย แม่ถึงกับร้องไห้โฮ แล้วถามหมอว่า ก่อนหน้านี้หมอก็คอนเฟิร์มว่า เด็กเป็นไส้ติ่งอักเสบ แล้วทำไมไม่ผ่าให้น้องตั้งแต่ 4 ทุ่มเมื่อคืน หมอก็ไม่ตอบอะไร โดยแม่นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน จากนั้นก็มีการช่วยชีวิตเด็กอีก แม่รอประมาณ 11 โมง หมอเดินมาแม่อีกว่า น้องความดันต่ำ 50-50 ก็โทรบอกญาติ โทรบอกพี่สาวให้ช่วยบนเจ้าที่เจ้าทางให้หน่อยให้น้องรอด รอจนเที่ยงกว่า หมอออกมาบอกอีกว่า น้องอาการหนักอีกรอบ 50-50 เหมือนเดิม ก็เลยถามว่า น้องอาการเป็นยังไงบ้าง จนหมอยอมให้แม่เข้าไปดูน้องตอนบ่ายโมงเศษ ตอนนั้นมีสายเต็มไปหมด ลูกนอนนิ่งเหมือนไม่รับรู้อะไร แม่ไปจับมือและพูดข้างหูลูกว่า “น้องกานต์ครับ ได้ยินแม่มั้ย” ตอนนั้นเห็นแค่มือลูกกระดิก เหมือนเค้าพยายามจะลืมตาขมวดคิ้ว เพื่อลืมตาเท่านั้น

ตอนนั้น สิ่งที่คุณแม่วัย 39 ปี รับรู้เพียงอย่างเดียวคือ อยากให้ลูกรอด ขณะนั้นลูกของเธอถูกมัดแขนมัดขาอยู่ หมอบอกให้ลูกพักและให้พยาบาลมาดูยา และให้ออกมารอข้างนอก น้องอาการหนัก ชีพจรต่ำ บ่าย 2 โมงกว่า ก็มีพยาบาลผู้หญิงแผนกเด็กโทรมาบอกว่า อาการน้องแย่มาก ไม่ตอบสนองกับยา 2 ตัว ถ้ายาตัวที่ 3 ให้ไปแล้วน้องไม่ตอบสนอง ถือว่า น้องไม่รอด น้องต้องเสียชีวิต แม่ได้ขอร้องให้ช่วยเหลือชีวิตลูกอย่างเดียว กระทั่งบ่าย 3 โมงกว่า หมอเดินมาบอกอีกว่า อาการน้องหนัก เจ้าหน้าที่และหมอมา บอกว่า น้องหัวใจหยุดเต้น ให้เข้าไปดูขณะกำลังปั๊มหัวใจ ชีพจรลูกไม่เต้นแล้ว ไม่ตอบสนองยาตัวที่ 3 ถ้าปั๊มหัวใจไปอีก 30-40 นาที ไม่ตอบสนองแสดงว่า น้องหัวใจหยุดเต้น แม่นั่งรออยู่ตรงนั้นอยู่จนครบเวลา ช่วงประมาณ 15.30 น.หลังเขาหยุดทำ PCR และเดินออกมาแจ้งว่า ลูกตายแล้ว

นางสายหยุด สีทอง คุณแม่วัย 39 ปี ร้องเรียนว่า ข้องใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รพ.และหมอว่า ทำไมการรักษาใส้ติ่งอักเสบของ รพ.นี้ไม่เหมือน รพ.ในกรุงเทพฯ ขนาดเด็กอ้วนใน กทม. หรือคนอื่น ๆ เมื่อหมอรู้ว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบเขาก็ผ่าเพื่อช่วยเหลือเลย ไม่รอให้ไส้ติ่งแตก แต่กรณีนี้หมอปล่อยให้น้องรอ น้องปวดจนน้องทนไม่ไหวจนไส้ติ่งแตก ข้องใจว่า ทำไมไม่ทำการรักษาให้น้อง ตอนที่น้องรู้เรื่องรู้สึกตัวดีทุกอย่าง อยากร้องเรียนเรื่องนี้ไปถึงกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากการรักษาล่าช้า ความผิดพลาดของแพทย์ที่ไม่ดำเนินการซักที ทั้งที่คอนเฟิร์มว่า น้องไส้ติ่งอักเสบ ทำไมไม่รักษาตั้งแต่ตอนนั้น ทำไมมัวแต่คุยเล่นว่า ติดโควิดมั้ย ตรวจแล้วตรวจอีก ทั้งที่เด็กไป รพ.ไม่ได้โคม่า ช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง แค่ 16 ชม.น้องเสียชีวิตแล้ว

“คนปวดท้องไส้ติ่งอักเสบ ปกติต้องผ่าตัดทันที ทำไมปล่อยให้น้องทรมานจนน้องตาย ทำไมต้องรอให้น้องเป็นแบบนี้ ตอนนี้นำศพลูกมาจัดงานศพที่ที่วัดถ้ำเขามะกา รอยต่อ ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว ครอบครัวต้องการร้องเรียนแพทย์และ รพ.ในกรณีนี้ โดยได้ปรึกษาทนายความไว้แล้ว ลูกที่เสียชีวิตเป็นลูกคนที่ 5 คนสุดท้อง ญาติและทุกคนในหมู่บ้านที่มางานศพ ถามว่า ไม่น่าเชื่อว่าเด็กแข็งแรงดี ๆ ปวดท้องไส้ติ่งมาเสียชีวิตแบบนี้ เคยเห็นแต่คนพูดว่า รพ.ปล่อยให้คนตาย ไม่คิดว่า จะมาเจอกับลูกตัวเอง ซึ่งหมอชี้แจงหลังลูกตายว่า หมอผ่าไปแล้วมีหนองเต็มท้องเลย น้องเลยติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง เค้าถามว่า อยากให้ รพ.ทำอะไรบ้าง ยายของเด็กบอกไปว่า รพ.ควรจะชดใช้เกี่ยวกับเรื่องนี้” แม่ผู้เสียชีวิตกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อค่ำที่ผ่านมา (5 มี.ค.) ทาง รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาร่วมงานสวดอภิธรรมศพของน้องกานต์ เด็กที่เสียชีวิต และเข้าไปพุดคุยกับแม่ของเด็กว่า ให้คุณแม่ทำบุญให้น้องไปเลย ไม่ต้องไปคิดเรื่องค่าสินไหมอะไร เดี๋ยวทาง รพ.จะจัดการให้ ไม่ต้องกลัวเรื่องเงินชดเชยเยียวยา เดี๋ยวคุณหมอจะเดินเรื่องให้ โดยจะติดต่อมาเป็นระยะ ๆ ซึ่งทาง รพ.ได้นัดให้แม่ของเด็กและญาติ เดินทางไปพูดคุยที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ในวันจันทร์ที่ 7 มี.ค.65 เวลา 14.30 น.หลังจากครอบครัวเลื่อนการเผาศพน้องจากวันจันทร์ที่ 7 มี.ค.65 เป็นวันพุธที่ 9 มี.ค.65 โดยจะพาทนายความเดินทางไปด้วย

—————————

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"