ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนากร โพธิจันทจินดา อายุ 67 ปี ได้มาร้องสื่อ ถูกเสี่ยใหญ่เจ้าของเจ้าซ่อมและขายอะไหล่รถจักรยานยนต์ ในตัวเมืองเทศบาลเมืองเลย จังหวัดเลย ทำร้ายร่างกาย ชกหน้าจนฟันหักและเย็บปากอีก 5 เข็ม แจ้งตำรวจ สภ.เมืองเลย ให้ดำเนินคดี รอมาเกือบ 2 เดือน ยังไม่มีอะไรคืบหน้า กลัวเขากลับมาทำร้ายอีก จนได้หยุดไปขายของ ย้ายไปค้าขายที่ใหม่
นายธนากร โพธิจันทจินดา เผยว่า ตนเป็นพ่อค้าขายของในตลาดเทศบาลเมืองเลย ในวันที่เกิดเหตุในช่วงประมาณ 4-5 โมงเย็น ตนได้ขับรถมอเตอร์ไซต์พวงข้าง เข้าไปในตลาดเพื่อเอาของที่จะไปขายไปวางที่แผงขายของตน ซึ่งตนก็ทำเป็นปกติทุกวัน แต่วันที่เกิดเหตุขณะกำลังขับจะถึงร้าน ก็มีคนแก่มาเดินตัดหน้าก็เลยจอดให้เขาเดินผ่านไป ตนก็ไม่รู้ว่ามีรถวิ่งตามหลังก็มีเสียงบีบแตรไล่หลัง จากนั้นเขาก็ตระโกนว่า นี่ลุงถนนทำมาเองเหรอ นึกอยากหยุดก็หยุด นึกอยากไปก็ไป อยากจอดก็จอด ถนนสร้างมาเองเหรอ ตนก็ได้อธิบายว่า มีคนเดินตัดหน้ารถ คนแก่เขามาเดินตัดหน้าก็เลยหยุดรถ
จากนั้นเขาก็ขับรถผ่านไป ซึ่งเป็นผู้ชายขี่มอเตอร์พร้อมกับเด็ก ๆ 2 คนนั่งข้างหน้า เข้าใจว่าเป็นลูกชายและลูกผู้หญิง คงรับมาจากโรงเรียน เขาก็ขับรถผ่านไป ต่อมาสักพักเขาก็วกกลับมาอีก ในขณะที่ตนกำลังขนของลงจากรถ เพื่อตั้งแผงขายของที่ประจำ เขาก็แกล้งขับรถมาเฉี่ยวตนอีก เหมือนจะหาเรื่องอีก ที่จริงตนก็อายุน่าจะคราวพ่อของเขาแล้วนะ แล้วเขาก็จอดลูกๆของเขาที่นั่งด้านหน้ารถ ก็เรียกพ่อๆกลับบ้านเถอะ แต่ชายคนดังกล่าวกับลงจากรถ ตรงมาหาตนชกหน้าของตนและผลักจนล้ม จากนั้นพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ด้านข้างก็มาช่วยพยุงและห้ามไว้ จากนั้นชายดังกล่าวก็ขับรถออกไป หลายคนในตลาดก็พาตนไปหาหมอ พบว่าฟันหักไป 1 ซี่และเย็บแผลที่ปากด้านในอีก 5 เข็ม พอลูก ๆ ของตนทราบจึงไปแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งปกติถนนภายในตลาดซึ่งเป็นถนนทางเทศบาลทำเขาก็ห้ามรถเข้าไปอยู่แล้ว ถนนเขาสร้างให้คนเดินไปซื้อกับข้าวยกเว้นรถพ่อค้าแม่ค้าขนของเข้าไปในตลาด
และวันที่เกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 65 ตนเข้าแจ้งความกับตำรวจ วันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าแต่อย่างใด ตนก็เลยเกิดความกลัว จนต้องหยุดขายของในตลาด ลูก ๆ และภรรยาก็กลัว จนต้องหาทุนมาเปิดร้านให้ใหม่ไกลจากตัวตลาดหน่อย มาเปิดร้านขายก๋วยเตียวหลังปั๊ม ปตท. และที่ตนกลัวอีกว่า คน ๆ นี้หัวร้อนกลัวว่าจะไปทำกับคนอื่น ๆ อีก และอีกอย่างลูกเขาก็นั่งอยู่หน้ารถ เห็นความประพฤติกรรมของพ่อ และที่กลัวว่าจะไปทำกับคนอื่นแต่ถ้าคนอื่นเขาฮึดสู้ขึ้นมา ลูก ๆ ที่นั่งอยู่หน้ารถจะอยู่ยังไง ตนคิดและห่วงเขาไปหมดนะ ตนคิดว่าอายุตนน่าจะเป็นรุ่นพ่อของเขา เขาน่าจะประมาณ 30 ต้น ๆ ได้ จึงอยากจะให้ตำรวจเรียกมาเตือน มาดำเนินคดีเพื่อจะได้เข็ดหลาบบ้าง จะได้ไม่ไปทำกับคนอื่นอีก หรือเขาคิดว่ามีเงินจะทำอะไรก็ได้ จนตำรวจยังไม่กล้าดำเนินคดี
