ตรัง รัฐบาลเตรียมปรับราคาแก๊สหุงต้ม ขึ้นอีก กิโลกรัมละ 1 เริ่ม 1 เมษายน นี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารวอนช่วยตรึงราคา
ผู้สื่อข่าวสำรวจบรรยากาศร้านอาหาร ร้านกาแฟติ๋มซำยามเช้าในจ.ตรัง โดยที่ร้านภาสินี เขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งหนาแน่นไปด้วยประชาชนที่เดินทางไปรับประทานอาหารเช้า ซึ่งนางธนาภา โพธิ์วิจิตร อายุ 72 ปี เจ้าของร้านกล่าวว่า กล่าวว่า จากกรณีที่รัฐบาลจะมีการปรับราคาแก๊สหุงต้มขึ้นอีกในวันที่ 1 เมษายนนี้ กิโลกรัมละ 1 บาทนั้น หรือหลังจากนั้นอาจจะมีการปรับสูงขึ้นไปอีก ซึ่งไม่ว่าจะปรับขึ้นมากหรือปรับขึ้นน้อย จะยิ่งซ้ำเติมความเดือดร้อนให้แก่พ่อค้า แม่ค้า ร้านอาหารทั้งสิ้น เพราะขณะนี้เครื่องปรุง วัตถุดิบทุกชนิด เช่น น้ำปลา ถุงพลาสติก น้ำตาล หรือของใช้จำเป็นทุกอย่าง มีการปรับราคาแพงขึ้นอย่าง แต่หากยังจะปรับราคาแก๊สอีกก็จะยิ่งเดือดร้อน ซึ่งร้านกาแฟ-ติ๋มซำยามเช้า จะต้องใช้แก๊สหลายถังและตลอดเวลาเกือบครึ่งวันที่ต้องจำหน่ายอาหาร เพราะต้องนึ่ง ต้องต้มอยู่ตลอดเวลา ทอด ใช้แก๊สตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองแก๊สอย่างมาก โดยที่ร้านจะใช้วันละ 8 ถังพร้อมกัน ส่วนใหญ่จะเป็นถังใหญ่
ซึ่งขณะนี้ราคาแก๊สถังเล็กอยู่ที่ถังละ 350 บาท ส่วนถังใหญ่ ราคาถังละ 1,080 บาท และจะต้องทำการเปลี่ยนทุกๆ 3-5 วัน แต่ละเดือนเฉพาะค่าแก๊สหุงต้มค่าใช้จ่ายเดือนละกว่า 20,000 บาท และยิ่งปรับราคาจะยิ่งทำให้เดือดร้อน โดยขณะนี้ราคาอาหารยังไม่ปรับขึ้นแต่อย่างใด แต่หากมีการปรับราคาแก๊สขึ้นไปอีก ทางร้านค้าก็อาจจะต้องพิจารณาปรับราคาตามไปด้วย เพราะไม่เช่นนั้นก็อยู่ไม่ได้ จึงอยากให้รัฐบาลทำอย่างไรก็ได้ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ให้ประชาชนอยู่ได้ เช่น ต้องกำกับดูแลควบคุมราคาสินค้า หรือช่วยตรึงราคาสินค้า อย่าให้มีการปรับขึ้น เพราะประชาชนและพวกตนซึ่งเป็นแม่ค้าต่างได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง เปิดความสวยงาม "เขาแบนะ-อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม" เส้นทางศึกษาธรรมชาติเลียบภูเขาชมทะเลงาม
- ผู้ว่าตรังสั่งซ่อมด่วนหลังคาท่าเรือปากเมง หวั่นอันตรายนทท. กระทบภาพลักษณ์จว. ลั่นพร้อมออกเงินส่วนตัว 2.3 หมื่นค่าวัสดุ…
- วัสดุทำกระทงตรังราคาพุ่ง ดาวเรืองขึ้นราคาเท่าตัว ผู้ค้าตลาดเทศบาลนครตรังเงียบเหงา กัดฟันขายราคาเดิมหวั่นกระทบลูกค้า
- ตร.กมลารวบ ผจก.เกสเฮ้าส์สาวติดพนันออนไลน์ ฉกเครื่องเพชร-นาฬิกาหรูนายจ้างสาวลูกครึ่ง ขาย-แพ็คส่งให้แฟนหนุ่มเก็บ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: