กรุงเทพฯ – กระทรวงสาธารณสุข เปิดประสิทธิผล วัคซีนโควิด-19 จ.เชียงใหม่ ฉีดเข็ม 3 ป้องกันติดเชื้อโอมิครอนได้ 45-68 % ป้องกันเสียชีวิตถึง 98 % ส่วนเข็ม 4 ป้องกันติดเชื้อสูง 82 % และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
วันที่ 21 มีนาคม 2565 นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าว ‘ประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงในการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน’ ว่า ขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 ในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่หนึ่ง ใกล้ 80 % แล้ว ส่วนเข็มสอง 72 % แต่เข็มสามได้ประมาณ 33 % ขณะที่ข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-19 มีนาคม 2565 จำนวน 2,464 ราย อายุเฉลี่ย 73 ปี อายุน้อยสุด 3 เดือน อายุมากสุด 107 ปี มีหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย มีโรคประจำตัว 2,135 ราย มากที่สุดคือโรคความดันโลหิตสูง ตามด้วย เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไตเรื้อรัง มะเร็ง โรคอ้วน และปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยพบว่า 57% ไม่ได้ฉีดวัคซีน อีก 31% ฉีด 2 เข็มเกินกว่า 3 เดือน
ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงต่อว่า ผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีน จากการใช้จริงระยะที่มีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ใน จ.เชียงใหม่ เก็บข้อมูลช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์ 2565 พบว่า
หากฉีด 2 เข็ม ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้
ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 45-68%
ฉีด 4 เข็ม ป้องกันติดเชื้อได้ 82%
ส่วนการป้องกันการเสียชีวิต
หากฉีด 2 เข็ม ป้องกันได้ 85-93%
ฉีด 3 เข็ม ป้องกันเสียชีวิตได้ 98%
ขณะที่การฉีด 4 เข็ม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
สำหรับระดับประเทศ เดือนมกราคม 2565 พบว่า
หากฉีด 2 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้เพียง 4.1 %
ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 56 %
ฉีด 4 เข็ม ป้องกันติดเชื้อได้ 84.7%
ส่วนการป้องกันการเสียชีวิต
หากฉีด 2 เข็ม ป้องกันได้ 79.2%
ฉีด 3 เข็ม ป้องกันเสียชีวิตได้ 87%
“จะเห็นได้ว่า การฉีดวัคซีน 2 เข็ม ไม่ช่วยเรื่องป้องกันการติดเชื้อ และประสิทธิภาพป้องกันการเสียชีวิตน้อยลง จึงจำเป็นต้องฉีดเข็มที่ 3 ซึ่งนอกจากป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100 % ยังลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้ด้วย เป็นการลดโอกาสติดเชื้อตั้งแต่ต้น ก็จะไม่ไปถึงการเสียชีวิตได้” นายแพทย์เฉวตสรร กล่าว
