X

บิ๊กโจ๊กแถลงรวบสามผู้ต้องหาหลอกคนไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมด้วย ตำรวจท่องเที่ยวและ ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงรวบสามผู้ต้องหาหลอกคนไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้ และแถลงรวบผู้ต้องหาลวงผู้เสียหายไปข่มขืน

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 25 พฤศจิกายน 2561  ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ท่าสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมด้วย ตำรวจท่องเที่ยวและ ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม 3 ผู้ต้องหาขบวนการลักลอบส่งคนไทย ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้โดยผิดกฎหมาย ประกอบด้วย น.ส.กรองแก้ว คำทา อายุ 32 ปี / น.ส.โชติกา เกิดเกลี้ยง อายุ 32 ปี และ นายไคซิก อึม (MR. KISIK EUM) อายุ 49 ปี ชาวเกาหลีใต้ ตามที่มีผู้แจ้งเบาะแสมาในเฟสบุ๊กแฟนเพจ สุรเชษฐ์ หักพาล ก่อนหน้านี้

หลังการร้องเรียน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำกับการ 1 กองบัญชาการสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เร่งทำการสืบสวนตามข้อมูลที่ได้รับร้องเรียนมา จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 3 คน เป็นคนไทย 2 คน และชาวเกาหลีใต้ 1 คน จึงเฝ้าสังเกตการณ์และแกะรอยจนทราบว่าผู้กระทำความผิดคือ น.ส.กรองแก้ว คำทา อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดหา โดยเปิดรับสมัครหาคนไทยที่ต้องการจะไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ผ่านโลกโซเชียล ส่วน น.ส.โชติกา เกิดเกลี้ยง อายุ 32 ปี จะเป็นผู้จัดการเรื่องเอกสารรวมทั้งตั๋วเครื่องบิน ส่วนนายไคซิก อึม (MR. KISIK EUM ) อายุ 49 ปี ชาวเกาหลีใต้ จะเป็นผู้ตรวจสอบลักษณะบุคลิกภาพ ว่าคนไหนจะสามารถไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ได้หรือไม่ ทั้งหมดจะพาคนที่ต้องการไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ทั้งหมดมาพักที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีก่อน โดยอ้างว่าต้องมาเทรนงานก่อน เมื่อทั้งสามร่วมกันหายอดคนได้ตามจำนวนก็จะพาคนที่ต้องการทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ เดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ เมื่อไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้แล้ว คนหางานจะต้องทำงานชดใช้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในระหว่างเดินทางเป็นจำนวนเงินคนละ 55,000 บาทต่อคน แต่ถ้าหากไม่ผ่านตม.ก็จะถูกทิ้งอยู่ที่สนามบินเกาหลีใต้

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 เวลา 23.00 น. ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้นำกลุ่มแรงงานคนไทยที่ประสงค์จะไปทำงานที่เกาหลีใต้ เดินทางมาจากเมืองพัทยา จ.ชลบุรี มารอขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบใบอนุญาตในการจัดส่งแรงงานไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งทั้ง 3 คนไม่มีมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จึงคุมตัวมาสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสามให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้แบบผิดกฎหมายจริง เพราะไม่มีใบอนุญาตจากกระทรวงแรงงาน ให้จัดหาคนงานไปทำงานต่างประเทศ จึงคุมตัวทั้ง 3 คนส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีในข้อหา จัดหางานให้คนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต แห่งพ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2528 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง10 ปีหรือปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนอีกคดี พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล ผกก.สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายธีรภัทร โสทอง อายุ 23 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.495/2561 ในข้อหา กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งจับกุมได้ภายในอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งผู้ต้องหาเป็นลูกจ้างอยู่ในอู่ซ่อมรถดังกล่าว

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเป็นหญิงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ว่าถูกคนร้ายเป็นชายใช้เฟสบุ๊ก ชื่อ จัดหาอะไหล่ตามต้องการ ช่างอาทรับจำนำรถทุกชนิด ลงโฆษณาว่าสามารถพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ได้ จึงหลงเชื่อโดยนัดหมายกับคนร้ายที่ห้างบิ๊กซีชลบุรี เพื่อจ่ายค่าดำเนินการในราคา 5,000 บาท จากนั้นคนร้ายได้ทำทีขอยืมโทรศัพท์มือถือราคาประมาณ 10,000 บาทของผู้เสียก่อนหลบหนีไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเป็นหญิงอีก 1 ราย เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ว่าได้หลงเชื่อคนร้ายที่ใช้เฟสบุ๊กในชื่อเดียวกันว่าสามารถพาผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ได้ จึงได้นัดหมายกับคนร้ายที่ทูไนท์ รีสอร์ต ก่อนส่งมอบเงินให้คนร้ายจำนวน 10,000 บาท จากนั้นก็ถูกคนร้ายล่อลวงให้หลงเชื่อว่า จะมีแรงงานรายอื่นเข้าพัก เพื่อรอตั๋วเครื่องบิน และจะนำไปส่งขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิพร้อมกัน ทำให้หลงเชื่อ และพักที่รีสอร์ตดังกล่าว ก่อนจะถูกคนร้ายข่มขืนกระทำชำเรา และกักขังไว้ในห้องน้ำ จากนั้นคนร้ายจึงหลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ออกสืบสวนจบทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายธีรภัทร และติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้ และจากการขยายผลทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ เพิ่งเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่อู่ซ่อมรถใน จ.ชลบุรี ได้เพียง 1 เดือน และใช้เฟสบุ๊กหลอกลวงหลอกขายสินค้าอะไหล่รถยนต์ โดยมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อ และโอนเงินเข้ามา มีมูลค่าความเสียหายแล้วประมาณ 180,000 บาท อีกด้วย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน