X

ศาลฎีกายืนประหารชีวิตผู้ต้องหายิง นร.ม.4 เสียชีวิต

ตรัง ศาลฎีกายืนประหารชีวิตจำเลยมือยิงนร.ม.4 สร้างความดีใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก ฝ่ายแม่ร่ำไห้พร้อมยกมือไหว้ กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกผ่านมาเกือบ 4 ปี ทำให้คดีมาถึงที่สุดเรียกความเป็นธรรมให้กับลูกชายได้ และขอบคุณพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่กำกับสั่งการ ขีดเส้น ให้ตำรวจท้องที่จับกุมคนร้าย จนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ในที่สุด ด้านนายรชพล ครองผ้าเหลืองเดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง หลังตั้งใจบวชให้น้องนิว

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดตรัง ศาลฎีกาได้ออกนั่งบัลลังก์ที่ 8 พิจารณาคดีที่อัยการเป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายธีรยุทธ หรืออ้น สมสู่ อายุ 52 ปี ชาว ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ในข้อหา ฆ่า พยายามฆ่า ผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนแก่พฤติการณ์ โดยนายธีรยุทธ หรืออ้น สมสู่ ตกเป็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายธีรวัฒน์ (น้องนิว) บูรณ์ชะนะ อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองตรัง และพยายามฆ่านายรัชพล กลับจิตร อายุ 42 ปี ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกันเพียงประมาณ 2 – 3 วัน แต่นายรัชพลได้รับบาดเจ็บ และวิ่งหนีเอาตัวรอดมาได้ เหตุเกิดคืนวันที่ 2 ธันวาคม 2561 บริเวณถนนในหมู่บ้าน หมู่ที่ 5 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง ทั้งนี้ ผ่านมาแล้วกว่า 3 ปี โดยมีนายอนันต์ -นางสอง บูรณ์ชะนะ พ่อแม่ของน้องนิว เดินทางพร้อมด้วยนางสาวทิตการ ปานเล็ก ทนายความ รวมทั้งนายรัชพล ซึ่งได้บวชเป็นพระภิกษุ และพี่สาว เดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วย ขณะที่ครอบครัวของฝ่ายจำเลยไม่ได้เดินทางมารับฟัง เนื่องจากศาลได้นัดฟังคำพิพากษาไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตนายธีรยุทธ์ สร้างความดีใจให้กับผู้เสียหายและครอบครัวเป็นอย่างมาก

ทางด้านนางสาวทิตการ ปานเล็ก ทนายความ บอกว่า ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์คือ ให้ประหารชีวิตจำเลย ส่วนเงินชดเชยเยียวยาทางแพ่ง ศาลพิจารณาให้กับโจทก์ร่วมที่ 1 (นายรชพล) จำนวน 700,000 บาทและโจทก์ร่วมที่ 2 (ครอบครัวน้องนิว) จำนวน 2 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ ในส่วนของจำเลย ได้ยืนกรานปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหามาโดยตลอด และคดีนี้จำเลยไม่ได้มีการสืบพยานแม้แต่ปากเดียวรวมทั้งตัวจำเลยเอง ทำให้ไม่มีพยานมาหักล้างข้อต่อสู้ หรือปฏิเสธในการสู้คดีนั่นเอง ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ทราบว่าเป็นเพราะตัวจำเลยจำนนในพยานหลักฐาน หรือว่าไม่มีพยาน แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะไม่มีพยาน เนื่องจากว่าในคำให้การของจำเลยอ้างเพียงสถานที่อยู่เท่านั้นว่าอยู่กับครอบครัวตลอด แต่ในขณะที่คนในครอบครัวให้การขัดแย้งกับจำเลยว่าตัวจำเลยหายตัวไปในช่วงเกิดเหตุ ทั้งนี้ ในกระบวนการศาลยุติธรรมทุกอย่างถือว่าจบสิ้นแล้ว เพราะเดินทางมาครบแล้ว 3 ศาล แต่ในส่วนของฝ่ายจำเลยจะดำเนินการอย่างไรก็เป็นเรื่องของฝ่ายจำเลย ทั้งนี้ ถ้าไม่มีกระบวนการอื่นเกิดขึ้นหลังจากนี้ก็ต้องดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลก็คือ ประหารชีวิตอย่างเดียว แต่ทั้งนี้จะใช้เวลายาวนานแค่ไหนถึงจะไปถึงตรงนั้นทางทนายก็ไม่สามารถจะทราบได้เพราะต้องอยู่ที่กระบวนการของเรือนจำ หลังจากนี้เรือนจำจะเป็นคนดำเนินการในส่วนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาในเรื่องการประหารชีวิตก็มีให้เห็นมาแล้ว ส่วนการดำเนินการตามคำพิพากษาเรื่องเงินค่าสินไหมทดแทนนั้น จะต้องไปดำเนินการสืบทรัพย์ต่อไป

ทางด้านนายอนันต์ -นางสอง บูรณ์ชะนะ พ่อและแม่ของน้องนิว กล่าวทั้งน้ำตาว่า ดีใจมากที่เดินทางมาถึงวันนี้ ที่สู้จนถึงที่สุด สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชายได้ ขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่จริง รู้สึกพอใจในคำตัดสินครั้งนี้ ไม่เสียแรง ไม่เสียกำลังใจ ที่ทุ่มเทในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชายที่ยาวนานเกือบ 4 ปี โดยทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงลูกตลอดเวลา เวลาผ่านมาจะครบ 4 ปีแล้ว ชีวิตคนๆหนึ่งถ้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ก็เรียนจบได้เลย จึงขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมอย่างมาก พร้อมยกมือไหว้ ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งสื่อมวลชน ทนายความ กอ.รมน.จังหวัดตรัง และพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่กำกับสั่งการ ขีดเส้น ให้ตำรวจท้องที่จับกุมคนร้าย จนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ในที่สุด โดยระบุที่เดินทางมาถึงวันนี้ได้ เพราะหลายฝ่ายช่วยเหลือ พร้อมกับบอกไปถึงดวงวิญญาณของลูกชาย หากรับรู้ได้ว่า “ครอบครัวเราทำถึงที่สุดแล้วลูก… เราสู้ เราทำเพื่อลูกถึงที่สุด ถึงจุดสุดท้ายของเขาที่ได้ทำกับเราไว้แล้วลูก…ขอให้ลูกไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ต้องเป็นห่วงครอบครัว พ่อ และแม่ ขอให้ลูกได้ไปดี… หลังจากนี้ก็เตรียมจะทำบุญครั้งใหญ่ให้ลูกด้วย”

ส่วนทางด้านพระรชพล บอกว่า ได้บวชเป็นพระมาเกือบจะเข้า 2 พรรษาแล้ว โดยตั้งใจไว้แต่ต้นว่า เมื่อคดีสิ้นสุดตั้งใจจะบวชให้น้อง (น้องนิว ผู้เสียชีวิต) แต่ได้ตัดสินใจบวชก่อน ก็ได้ภาวนาตลอด วันนี้ได้เดินทางมารับฟังคำตัดสินของศาลฎีกาด้วยตนเอง ก็รู้สึกพอใจในคำตัดสิน ได้รับความยุติธรรม ทั้งนี้ ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บยังเรื้อรัง จะไม่หาย โดยเฉพาะแขนที่ถูกยิงยังอ่อนแรง ส่วนเรื่องการถูกข่มขู่คุกคามมาโดยตลอดก่อนหน้านี้ ขณะนี้ตนได้ปล่อยวางแล้ว ได้อโหสิกรรมให้หมดแล้ว ที่เหลือก็เป็นกรรมของเขาแล้ว ส่วนตัวอโหสิกรรมให้ทั้งหมด หลังจากบวชก็ได้เดินทางไปธุดงค์ที่จังหวัดสตูลนานเป็นเดือน และหลังจากนี้ตั้งใจจะไปธุดงค์ต่อที่ภาคเหนือต่อไป

อย่างไรก็ตาม คดีนี้เกิดขึ้นในคืนวันที่ 2 ธันวาคม 2561 หลังเกิดเหตุแม้พยานปากสำคัญ ซึ่งเป็นเป้าหมายของผู้ก่อเหตุ รอดชีวิตมาได้ และให้การยืนยันคนร่วมกระทำการ แต่ระยะเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน ทางตำรวจก็จับคนร้ายไม่ได้ จึงถูกสังคมตั้งคำถามว่ามีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่ตำรวจบางกลุ่มให้ความช่วยเหลือ โดยทางครอบครัวได้ยื่นหนังสือติดตามคดีหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล กระทั่งวันที่ 6 มิถุนายน 2562 ทำให้ครอบครัวผู้เสียหาย ต้องเดินทางเข้ากรุงฯ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ขณะนั้น) เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า และถูกฝ่ายผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ใช้เส้นสายตำรวจ และผู้นำในพื้นที่ข่มขู่คุกคาม และให้ความช่วยเหลือ จนพล.ต.อ.ศรีวราห์ได้สั่งการ ขีดเส้น ให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาให้ได้ภายใน 15 วัน ปรากฏว่าผ่านมาได้ 7 วัน (คือ วันที่ 13 มิ.ย.62) เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมนายธีรยุทธ์ได้ดังกล่าว จนกระทั่งเข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรม จนคดีถึงที่สุดดังกล่าว

แฟ้มภาพ

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน