ชัยภูมิ – หลังผู้ว่าฯ หมอปลาพาลุยตรวจสอบเองก็ไม่เว้นยังอ้างตัวเป็นใหญ่เป็นพระบิดา สูงกว่าทุกศาสนา ล่าสุดชาวบ้านพื้นที่ทั่วทั้งอำเภอคอนสารสุดทนออกมารวมตัวขอปกป้องศักดิ์ศรีชาวชัยภูมิถือป้ายแสดงขับไล่ทำเสียชื่อจังหวัด ขอสาวกหยุดหลงผิดลัทธิงมงายรักษาโรคสุดพิสดารทั้งกินอึ ฉี่ ขี้ไคล เสมหะ เศษน้ำเหลืองที่เก็บไว้ในสำนักดังกล่าวจากซาก 11ศพ ที่เก็บไว้ในสำนักดังอ้างเพื่อช่วยรักษาโรคแบบงมงายนี้ได้อีก!
ล่าสุดเมื่อช่วง 21.00 น.วันที่ 9 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเกิดกรณี นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อมสื่อหลายสำนัก พร้อมประสานนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ชัยภูมิ และ พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร เข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมประหลาด, ตั้งอยู่กลางป่าในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการกักขังผู้มาปฏิบัติธรรมและรักษาโรคโดยวิธีการแบบแปลกประหลาดไม่ถูกสุขลักษณะ
ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นกระท่อมไม้ชั้นเดียวมุงด้วยใบหญ้าคา ภายในมีข้าวของวางสุมกองไว้เต็มพื้นที่ และมีชายหญิงตั้งแต่วัยกลางคนไปถึงผู้สูงอายุราว 30 คน นั่งรายล้อมชายชราผมยาว ไม่สวมเสื้อ ที่บรรดาผู้มาปฏิบัติธรรมพากันเรียกว่า พระบิดา ที่แต่งกายคล้ายฤาษี ซึ่งเป็นผู้เป็นเจ้าลัทธิใหม่อยู่เหนือศาสนาทั้งหมดในปัจจุบัน และมีสาวกทุกคนจะไม่ใส่หน้ากากอนามัย เพราะเชื่อว่าหากอยู่ในสำนักภายใต้การปกครองของพระบิดา โรคโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายกับพวกเขาได้
ข่าวน่าสนใจ:
จนต่อมาหลังมีการบุกนำกำลังนำโดย ผวจ.ชัยภูมิ เข้าตรวจสอบและควบคุมตัวฤาษีรายนี้มาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีมาต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวันที่ 8พ.ค.65 ที่ผ่านมาและล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ที่ 9 พ.ค.65 หมอปลา ที่ได้รับการร้องเรียนให้ตรวจสอบสำนักดังกล่าวในครั้งนี้ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สภ.เมืองชัยภูมิ ชุด สสจ.ชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอำเภอคอนสาร เข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมรักษาโรคแบบพิสดารรายนี้ โดยได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ฝ่าย เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่า และตรวจชันสูตรศพที่พบร่างมีผู้เสียชีวิตเก็บใส่โลงไว้ภายในสำนักดังกล่าวได้แล้วรวม 11 ศพ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และได้ขออายัดศพทั้งหมดเพื่อตรวจสอบและมีโลงศพอยู่ภายใน 5 โลงที่มีที่มาที่ไปว่าเป็นใครมาจากไหนได้ ส่วนที่เหลืออีก 6 ศพต้องรอตรวจสอบยืนหลักฐานที่ชัดเจนต่อไป
ซึ่งด้านในเพิงพักหลังใหญ่มีสิ่งของวางระเกะระกะจำนวนมาก ภายในเพิงพักยังมีโอ่งน้ำอยู่บริเวณใกล้กันกับมุ้ง ที่นอนผู้ที่มาปฏิบัติธรรมอยู่หลายใบ ซึ่งภายในมีฝุ่นคลุ้ง กระจัดกระจายคล้ายกับไม่มีคนอยู่ อีกทั้งยังเป็นที่หลับนอนของผู้มาปฏิบัติธรรม และ ผู้ที่อ้างตัวเป็นพระบิดา ซึ่งระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นนั้น ไม่มีผู้อาศัยอยู่ภายในเพิงพักหลังใหญ่ มีเพียงผู้อาศัยอยู่บริเวณกระท่อมด้านนอก ซึ่งหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริเวณดังกล่าวแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำศพที่อยู่ภายในโลง ในเพิงพักใหญ่ออกมาวางเรียงไว้ด้านนอก ก่อนที่จะตรวจสอบตามกระท่อมที่อยู่ด้านนอก
ขณะที่เข้าตรวจค้นภายในกระท่อมด้านนอกก็มีโลงศพอยู่อีกจำนวน 6 โลง ที่อยู่ภายในกระท่อม และ อยู่ด้านนอกกระท่อมที่ถูกจัดวางไว้ ซึ่งมีจำนวน 2 โลงที่อยู่ด้านนอก ต่อสายยางออกจากโลงศพเพื่อนำน้ำเหลืองออกมาใส่ถังที่จัดเตรียมไว้ ส่วนบางศพก็อยู่ภายในกระท่อมเล็กๆในป่า บางศพซึ่งคาดว่าเป็นผู้ที่มาอยู่ก่อนถูกนำศพที่เสียชีวิตมาไว้ในที่บรรจุโลงศพ ซึ่งใช้ปูนก่อปิดล้อมเป็นที่เก็บศพ เปิดเข้าไปดูก็พบเพียงเหลือแต่เศษกระดูก
ส่วนบางศพที่อยู่ในกระท่อมที่มีเนื้อที่กว้างกว่า 10 ไร่ ซึ่งอยู่ห่างออกมาซึ่งคาดว่าเป็นศพใหม่ที่พึ่งเสียชีวิตไม่นาน เจ้าหน้าที่จึงนำออกมาตรวจสอบพบเป็นศพของผู้หญิง ซึ่งเสียชีวิตและมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณดังกล่าว ซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยถุงซิปที่บรรจุ ก่อนนำใส่โลงและนำไปเก็บไว้ในกระท่อมที่พักซึ่งคาดว่าเป็นของผู้ที่มาปฏิบัติธรรม หรือ ผู้ที่มาอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงนำมาเรียงไว้บริเวณหน้าเพิงพักหลังใหญ่ ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างทั้ง 11 ไปชันสูตรให้เสร็จสิ้นตามขั้นตอนทางการแพทย์ ละช่วยนำไปเก็บรักษาที่สุสานมูลนิธิเต๊กก่า ของ อ.ชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ต่อไปเพื่อรอทำการตรวจสอบและทำการตรวจหาดีเอ็นเอ พร้อมทั้งหากมีญาติ หรือ มีผู้นำเอกสารระบุว่าเป็นญาติ จะได้มอบให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
ส่วนนายทวีฯ อายุ 74 ปี เจ้าสำนักฤาษีดังกล่าว ที่ตรวจสอบพบว่ามีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม หรือ อาศรมดังกล่าว ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมแจ้ง 4 ข้อหาเพิ่มเติม ได้แก่ 1.ข้อหาการบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ 2.ข้อหาการรักษาโรค ผิด พ.ร.บ. เวชกรรม ที่ไม่เป็นไปตามหลักสาธารณสุข 3.ข้อหาการเคลื่อนย้ายศพจัดการศพ และ 4.ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตาม พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ก่อนคุมตัวส่งศาลจังหวัดภูเขียว เพื่อฝากขังแล้วในวันนี้ตามหลักฐานได้เบื้องต้น 2 ข้อหาบุกรุกพื้นที่สาธารณะ และฝ่าฝืน พรบ.ควบคุมโรคโควิด-19
ซึ่งทาง จนท.ที่เกี่ยวข้องขอให้คัดค้านการประกันตัว แต่ล่าสุดเมื่อช่วง 21.00 น.วันที่ 9 พ.ค.65 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร พบว่าศาลจังหวัดภูเขียว ได้ให้ประกันตัวนายทวี หรือ ผู้ที่อ้างตัวเป็นพระบิดาเจ้าของลัทธิรักษาโรคสุดพิสดารดังกว่าแล้วในวงเงิน 50,000 บาท เนื่องจากเบื้องต้นมีการแจ้งข้อหาที่นำส่งตัวต่อศาลวันนี้ได้เพียง 2 ข้อหาที่ชัดเจนได้ก่อนในเบื้องต้น ที่ผู้ต้องหาสามารถยื่นประกันตัวได้ และหากยื่นรวบรวมข้อหาร้ายแรงทั้งหมดที่เข้าข่ายทั้ง 4 ข้อหาทั้งหมดรวม 4 คดีก็จะสามารถยื่นฝากขังเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายได้อีกต่อไปที่ต้องมีความชัดเจนทางรูปคดีทั้งหมดอีกครั้งได้ต่อไป
ขณะที่ยังมีการออกมาเคลื่อนไหวต่อกรณีที่เกิดขึ้นนอกจากฝ่ายสาวกเจ้าลัทธิรักษาโรคพิสดารดังกล่าวที่มีชาวบ้านกว่า 30 คน ออกมาต่อต้านการจับกุมของ จนท.ในครั้งนี้มาต่อเนื่องในวันที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและเชิญตัวฤาษีมาสอบสวน แต่อีกฝั่งในช่วงเย็นวันนี้ยังมีตัวแทนคนชุมชนผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และ ชาวบ้านในอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ได้นำเอกสารเพื่อยืนยันการต่อต้านลัทธิสุดประหลาดดังกล่าว เพื่อยื่นผ่านทางนายอำเภอคอนสาร และปกป้องศักดิ์ศรีของชาวชัยภูมิ ที่ไม่เคยเจอลัทธิพร้อมคำสอนประหลาดแบบนี้ที่มีการรักษาโรคให้กินสิ่งของเสียจากร่างกายและมีศพคนเสียชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องแบบนี้และทำให้เสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทยมายาวนาน และชาวชัยภูมิที่นับถือศาสนาพุทธผ่านไปถึงนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ
ซึ่งมีนายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้เดินทางมาเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือดังกล่าวไว้ เพื่อรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กระทรวงมหาดไทยทราบต่อไป หลังเกิดกรณีลัทธิประหลาดในพื้นที่เกิดขึ้นก็ยังมีอีกกลุ่มชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ขอออกมาแสดงตัวว่าไม่ศรัทธากับลัทธิดังกล่าว พร้อมกับถือป้ายขับไล่ลัทธิเจ้าสำนักฤาษีดังกล่าวออกจากพื้นที่โดยเร็วต่อไปในครั้งนี้ด้วย พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิทำเสื่อมเสียชื่อเสียงชาวชัยภูมิ ซึ่งอย่ามาเหมารวมว่าคนชัยภูมิไปหลงเชื่อการรักษาโรคสุดอุบาทว์แบบนี้อีกเป็นจำนวนมากในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: