เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 14 พ.ค.65 ความคืบหน้ากรณี เจ้าของโรงโม่หินใหญ่ ยั๊วะผู้จัดการโรงโม่ ชักปืนจ่อยิงโหด 2 นัด จากกรณี เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 13 พ.ค.65 ร.ต.อ.ณภัทร ด้วงสถิต พนักงานสอบสวน สภ.สวี จ.ชุมพร รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันตายภายในโรงโม่หิน (ไม่มีชื่อ) พื้นที่หมู่ 7 ตำบลทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.ท.สายันต์ จันทมาศ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.สวี พ.ต.ท.ถิรเดช แข็งแรง รอง ผกก.(สืบสวน) พ.ต.ต.ธนเทพ สุวรรณ สว.(ป) สภ.สวี ร.ต.อ.มานิตย์ มณฑิราช รอง สว.(ป) และร.ต.ท.ถวัลย์ จันทร์สิงขรณ์ รอง สว.(ป) สภ.สวี ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยอาสากู้ภัยกู้ชีพมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์เขตสวี รุดที่เกิดเหตุ
ภายในโรงโม่หินไม่มีชื่อ พบศพนายวีระวัฒน์ จิโนวัฒน์ อยู่บ้านเลขที่ 159/4 หมู่ 4 ตำบลนาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร เป็นผู้จัดการของบริษัทแห่งหนึ่งที่มาเช่าช่วงจากเจ้าของสัมปทาน สวมเสื้อยืดแขนสั้นคอปก สีขาวลายดำแดง นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนถนนลูกรัง ลักษณะเป็นทางลาดชันตามแนวภูเขาใช้ในการขนย้ายหิน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด.11 มม. กระสุนเข้าต้นตอขวาทะลุกรามซ้าย 1 นัด ด้านหลังทะลุอกซ้าย 1 นัด รวม 2 นัด ยังพบรอยเลือดเป็นทางยาวประมาณ 20 เมตรไปถึงรถยนต์กระบะโตโยต้าสี่ประตู สีขาว ทะเบียน 6 กธ 6367 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องหันหัวรถมาทางผู้เสียชีวิต
ในกระบะหลังมีซองปืนหนังสีดำวางอยู่ 1 อัน ส่วนบนพื้นระหว่างประตูหลังซ้ายและล้อพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่ 1 ปลอก หน้ารถอีก 1 ปลอกรวม 2 ปลอก และรองเท้าหนังของผู้เสียชีวิตตกอยู่ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ก่อเหตุคือนาย อุดม อุโพธิ์ อายุ 71 ปี อยู่เลขที่ 150 หมู่ 7 ตำบลทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร เจ้าของสัมปทานโรงโม่หินดังกล่าว หลังก่อเหตุยิงนายวีระวัฒน์ เดินทางพร้อมกับอาวุปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.อุดร แก้วสุขศรี ผกก.สภ.สวี ต่อมาด้านพล.ต.ต.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ ผบก.ภ.จว.ชุมพร เดินทางสอบปากคำด้วยตัวเองนานจนถึงช่วงดึกก็ยังไม่แล้วเสร็จ
สำหรับปมขัดแย้งถึงต้องฆ่ากันตายเบื้องต้นทราบว่ามาจากเรื่องธุรกิจโรงโม่หินและเรื่องเงิน ซึ่งทั้งคู่มีความขัดแย้งกันมานาน โดยก่อนเกิดเหตุนายอุดม เจ้าของสัมปทานโรงโม่หิน เพิ่งเดินทางกลับจากซ้อมยิงปืนที่สนามยิงปืนในพื้นที่ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อมาถึงโรงโม่หินจึงขับรถขึ้นไปบนเชิงเขา เป็นจังหวะเดียวกับที่นายวีระวัฒน์ ผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้จัดการของบริษัทเช่าช่วง ขับรถยนต์ลงมาเจอกันระหว่างทางทำให้เกิดมีปากเสียงกันอีก นายอุดมจึงใช้ปืนยิงนายวีระวัฒน์ 1 นัด เข้าต้นคอทะลุกราม แต่นายวีระวัฒน์ทนฝืนวิ่งหนีเลือดไหลหยดเป็นทางยาว นายอุดมใช้ปืนตามยิงไล่ถูกด้านหลังกระสุนทะลุอกซ้ายนายวีระวัฒน์ล้มขาดใจตาย
จน ตำรวจยังรวบรวมพยานหลักฐาน และ สอบปากคำ นายอุดม ที่มีอายุมาก ให้การวกไปวนมา อย่างต่อเนื่อง และ หยุดพักการสอบปากคำเป็นช่วงๆ เพื่อสรุปสำนวนคดีให้ชัดเจน ก่อนตั้งข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ เพื่อดำเนินคดี ต่อไป
