กรุงเทพฯ – ไมโครซอฟท์ ร่วม กฟผ. ยกระดับการทำงานด้วยดิจิทัล เดินหน้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว สร้างนวัตกรรมพลังงาน ผลักดันประเทศไทยสู่สังคมปลอดคาร์บอน
วันที่ 24 พฤษภาคม 2565 นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ เพื่อสร้างมูลค่าและขับเคลื่อนนวัตกรรมทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ระหว่าง กฟผ. และไมโครซอฟท์ ประเทศไทย โดยมีหม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทยและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูงจากทั้ง 2 หน่วยงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน
ความร่วมมือดังกล่าว อยู่ภายใต้กรอบระยะเวลา 3 ปี ครอบคลุมการดำเนินงาน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการศึกษาและสำรวจศักยภาพการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงแพลตฟอร์มคลาวด์เพื่อเร่งการสร้างมูลค่าและนวัตกรรมทางธุรกิจ เช่น การจัดการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) การจัดเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System) และการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Grid Modernization) ไปจนถึงการดักจับและการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage) เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์
ข่าวน่าสนใจ:
- “ไพเจน” ส่งจดหมายเปิดผนึกยุติลงชิงนายก อบจ.สงขลา
- พิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- กองบิน 5 แถลงข่าวการจัดงาน “สดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2484” รำลึกถึงความกล้าหาญ และความสามัคคีของวีรชนผู้กล้า ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา
- กทม. ร่วม"ฟูกูโอกะ" เปิดงาน "Fukuoka Fair" ฉลอง 18 ปีเมืองพี่เมืองน้อง
2.ปฏิรูปกระบวนการดำเนินงานของ กฟผ. ให้ทันสมัย ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานในองค์การให้เป็นดิจิทัล นำองค์ความรู้ด้านดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ และ AI เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการองค์การ รวมถึงระบบภายในโรงไฟฟ้า การวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านการปล่อยคาร์บอนของทั้งองค์การ และผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
3.เสริมแกร่งโครงสร้างพื้นฐานของ กฟผ. ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ด้วยการจัดทำข้อมูลให้ทันสมัย ใช้งานนวัตกรรมและคลาวด์ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและพัฒนาธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการทำงานภายในองค์การ รวมถึงพลิกโฉมโครงสร้างด้านไอที พร้อมพัฒนาระบบความปลอดภัยด้านไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลให้ได้มาตรฐานระดับโลก
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. เล็งเห็นประโยชน์ของการใช้ Digital มา Transformation ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า ช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมและธุรกิจสำหรับอนาคตได้ โดยดิจิทัลจะกลายเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญในการบริหารจัดการระบบพลังงานทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนการมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ Triple S ของ กฟผ.
ตั้งแต่ S-Sources Transformation ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยเทคโนโลยีดิจิทัลจะสนับสนุนการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) เพื่อรองรับแหล่งผลิตพลังงานสะอาดที่จะมีเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของการพยากรณ์ การควบคุม และการใช้งานร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage)
S ที่สอง S-Sink Co-Creation ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการติดตามข้อมูลเพื่อบริหารจัดการป่าที่ กฟผ. และเครือข่ายพันธมิตรตั้งเป้าร่วมกันปลูก 1 ล้านไร่ ให้คงอยู่เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างยั่งยืน รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture Utilization and Storage : CCUS) ที่จะทำให้แหล่งผลิตไฟฟ้าไม่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
และ S-Support Measures Mechanism ที่จะใช้ดิจิทัลมาบริหารจัดการการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพทั้งในอาคารและในชุมชน ด้วยรูปแบบ Smart Grid รวมไปถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านภาคขนส่งให้มาใช้ไฟฟ้าอย่างเชื่อมโยงกันเป็น E-mobility
นอกจากนี้ กฟผ. จะนำดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานภายในองค์การ (EGAT Transformation) ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ทีมงานเสนอ ปรับปรุง ตลอดจนนำมาพัฒนาใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมากขององค์การ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขับเคลื่อนองค์การสู่อนาคตต่อไป
“ความร่วมมือครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ขับเคลื่อนองค์การ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และนำไปสู่การสร้างประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนของประเทศ ตามแนวคิด ‘EGAT for All กฟผ. เป็นของทุกคน เพื่อทุกคน’ ของ กฟผ.” นายบุญญนิตย์
ด้านนายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า ไมโครซอฟท์มุ่งผลักดันให้ลูกค้าและพันธมิตรนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศ ผ่านกลไกของการปลดล็อกปัจจัยเชิงโครงสร้าง ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะบุคลากร เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในอนาคต ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ เทคโนโลยียังมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยผลักดันเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนให้เป็นลบ ของไมโครซอฟท์ ในปี ค.ศ.2030 เป็นจริงได้ ควบคู่ไปกับเป็นแรงผลักดันให้ กฟผ. สามารถบรรลุเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050 ได้สำเร็จ
ส่วนนายมานิช พากาซ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลุ่มธุรกิจภาครัฐ ภาคการศึกษา และสาธารณสุข บริษัท ไมโครซอฟท์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวเพิ่มเติมว่า ไมโครซอฟท์ มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนและเสริมศักยภาพด้านดิจิทัลของ กฟผ. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่คนไทยทุกคน เพื่อพร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: