สระแก้ว – ชาวบ้านน้อยป่าไร่เดิม ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สามารถเข้าพื้นที่ดินของตนเอง เพื่อทำการรังวัดจัดทำผังแผนที่พิพาทตามคำสั่งศาล จ.สระแก้ว หลังถูกกีดกันจากฝ่ายทหารและ ตชด.กัมพูชา อ้างว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปักปันเขตแดนให้เร็วที่สุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน 4 ปัญหาที่ดินในพื้นที่ จ.สระแก้ว ที่หลายหน่วยงานต่าง ๆ เริ่มตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ภายหลังชาวบ้านรวมกลุ่มร่วมกับพรรคการเมืองหนึ่งในพื้นที่ สะท้อนปัญหาไปสู่องค์การภาคประชาชนเข้าตรวจสอบปัญหาร่วมกัน
เมื่อวันที่ 25 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเมื่อต้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการรวมตัวของชาวบ้านหลายกลุ่มกว่า 400 คน ที่บ้านหนองเจริญ หมู่ 13 ต.แซร์ออ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เขตรอยต่อ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยชาวบ้านทั้งหมด เป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่ดินในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยมี นายปรมินทร์ จันทรกาล ประธานสมาพันธ์ที่ดินจังหวัดสระแก้ว เป็นแกนนำ พร้อมกับเชิญ นายประยงค์ ดอกลำไย เครือข่ายนักต่อสู้เรื่องปัญหาที่ดินจากกลุ่มพีมูฟ , น.ส.พรพนา ก๊วยเจริญ กลุ่มจับตาปัญหาที่ดิน ,กลุ่มเอ็นจีโอ ,นักวิชาการ และเครือข่ายปัญหาที่ดินสระแก้ว โดยมี อ.สมิทธ์ เย็นสบาย เลขาธิการมูลนิธิสระแก้วสีเขียว เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมการพูดคุยสะท้อนปัญหาในพื้นที่ โดยมีตัวแทนจากสมาชิกพรรคก้าวไกล มาร่วมพูดคุยนโยบายพรรคและรับสมัครสมาชิกพรรคด้วยนั้น
โดย นายประยงค์ ดอกลำไย เอ็นจีโอจากกลุ่มพีมูฟ ได้ให้ความรู้และแนวทางการต่อสู้เรื่องที่ดิน รวมทั้งพบปัญหาและข้อร้องเรียนกรณีปัญหาที่ดิน 4 เรื่องใหญ่ ๆ ในจังหวัดสระแก้ว ประกอบด้วย 1.กรณีปัญหาเรื่องที่ดินที่หมดสัมปทาน ซึ่งภายหลังกรมป่าไม้มอบให้ สปก.นำมาจัดสรรให้กับผู้ยากไร้และผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน แต่ปรากฏว่า มีการดำเนินงานที่ล่าช้า ชาวบ้านผู้เดือดร้อนจริงไม่ได้รับสิทธิ์ เอกชนที่หมดสัมปทานยังสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ จึงต้องการให้มีการจัดสรรให้กับชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกินอย่างแท้จริง , 2.ผู้ที่มีเอกสารใบ นส.2 บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประสบปัญหาไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์หรือออกเอกสารสิทธิ์ได้ แต่ปัจจุบันพบว่า มีนักการเมืองสามารถนำไปออกโฉนดได้ แต่ชาวบ้านถูกกีดกันไม่สามารถออกโฉนดได้ ทั้งที่มีพื้นที่ติดกัน
3.กรณีปัญหาการสร้างฝายกักเก็บน้ำใน จ.สระแก้ว หลายอำเภอและเกิดน้ำท่วมที่ดินของชาวบ้าน แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และ 4.กรณีที่ดินบริเวณแนวชายแดนและที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งทางกองทัพบกหมดสัญญาขอใช้พื้นที่กับกรมป่าไม้ ขณะนี้อยู่ระหว่างกองทัพบกขอใช้พื้นที่กว่า 150,000 ไร่ ต่อไปอีก 30 ปี โดยอ้างว่า เพื่อความมั่นคง แต่ถูกคัดค้านจากประชาชนหลายพื้นที่ ทำให้ปัจจุบันทางกองทัพบกยังไม่ได้ทำเรื่องหรือขอใช้พื้นที่กับกรมป่าไม้อย่างเป็นทางการ ทางชาวบ้านจึงเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้อย่างเร่งด่วน ล่าสุด นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบปัญหาดังกล่าวแล้ว
ขณะเดียวกัน กรณีปัญหาที่ดินบ้านน้อยป่าไร่เดิม ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งชาวบ้านจำนวนหนึ่ง มีเอกสารใบจอง นส.2 แต่ถูกกีดกันไม่ให้เข้าพื้นที่และทำกินในที่ดินของตนเอง จากเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ ตชด.กัมพูชา อ้างว่า เป็นบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ฯนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 พ.ค.65 ที่ผ่านมา นายชนาธิป โคกมณี นายอำเภออรัญประเทศ ได้ส่งหนังสือที่ สก.0218.1/2073 ลงวันที่ 18 พ.ค.65 ของศูนย์ดำรงธรรมอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว เรื่อง สำรวจพื้นที่เพื่อทำแผนที่พิพาท ส่งถึงผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ต.ป่าไร่ ระบุว่า ตามที่อำเภออรัญประเทศได้จัดประชุมคณะกรรมการตรวจสอบพื้นที่พิพาทตามคำสั่งศาล ครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 31 มกราคม 2565 ณ ที่ว่าการอำเภออรัญประเทศ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ผู้ร้องจัดทำพิกัดที่ดินตนเองให้แน่ชัด และส่งให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภออรัญประเทศ เพื่อจะได้ดำเนินการประสานกองกำลังบูรพา ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวว่า เป็นพื้นที่ปลอดภัยหรือไม่ ปลอดภัยจากวัตถุระเบิด หากปลอดภัยจะนัดหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเดินสำรวจและทำแผนที่ตามคำสั่งศาล
โดยศาลจังหวัดสระแก้ว ได้มีคำสั่งลงวันที่ 21 ก.พ.65 ส่งให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการรังวัดจัดทำแผนที่พิพาทตามคำสั่งเดิมอีกครั้ง โดยดำเนินการรังวัดตั้งแต่เวลา 10.00 น.ของวันที่ 24 พ.ค.65 โดยมี นายสุพจน์ เขียนโพธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ เป็นตัวแทนนายอำเภออรัญประเทศ ร่วมกับ พ.ต.ธรรมศักดิ์ ถ้วยทอง ผบ.ร้อย ทพ.1206 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา และเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัด สาขาอรัญประเทศ พร้อมด้วย นายชุมพล วัฒนพรรค ผู้ถือกรรมสิทธิ์เอกสารใบจอง นส.2 ตั้งอยู่ริมถนนศรีเพ็ญ ม.8 ต.ป่าไร่ นำชี้บริเวณพิพาทเพื่อสอบเขตเปรียบเทียบและรังวัดทำแผนที่พิพาท เพื่อนำส่งศาลจังหวัดสระแก้ว โดยมีชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดินเดิมอีกหลายแปลงกว่า 500 ไร่ พร้อมญาติ รวมทั้งผู้อ้างสิทธิ์ส่วนหนึ่ง รวมกันกว่า 30 คน เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารกองกำลังบูรพา อนุญาตให้ดำเนินการเข้ารังวัดได้เพียงระยะ 100 เมตร จากถนนศรีเพ็ญเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่กรมที่ดินดำเนินการรังวัดทำแผนที่พิพาทแล้วเสร็จ ได้ทำหนังสือบันทึกถ้อยคำ ตามแบบ ทด.16 ระบุว่า นายชุมพล วัฒนพรรค (โจทก์) และนางสอน ดานนท์ (โดยนางอุมาพร ดานนท์ (แทน) ได้ร่วมกันให้ถ้อยคำต่อช่างรังวัดว่า ตามที่ศาลจังหวัดสระแก้ว ได้ให้สำนักงานที่ดินจังหวัดสระแก้ว สาขาอรัญประเทศ จัดทำแผนที่พิพาทตามคดีแพ่งฯ ระหว่างนายชุมพลฯ ในฐานะผู้จัดการมรดกนายโกสีย์ วัฒนพรรค และในฐานะส่วนตัว โจทก์ นางสอน ดานนท์ จำเลย เรื่องบุกรุก ขับไล่ นั้น วันนี้เป็นวันทำการรังวัด ข้าฯ ได้ร่วมกันนำรังวัดแนวเขตของตนถูกต้องตามความประสงค์แล้ว โดยช่างได้แจ้งให้ทราบว่า อาจจัดส่งแผนที่พิพาทให้ศาลไม่ทันวันนัดตรวจแผนที่พิพาท และกำหนดราคาทุนทรัพย์ในวันที่ 30 พ.ค.65 ซึ่งทั้งหมดได้ทราบแล้วและจะร่วมกันแถลงศาล เพื่อเลื่อนวันนัดตรวจแผนที่พิพาทไป ซึ่งฝ่ายจำเลยมีตัวแทนมานำรังวัดด้วย จึงร่วมกันทำบันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐานก่อนแยกย้ายกันกลับไป
ทางด้าน นายชุมพล วัฒนพรรค เจ้าของที่ดินมรดกตั้งแต่สมัยหมู่บ้านน้อยป่าไร่เดิม ซึ่งต้องอพยพหลบหนีภัยสงครามกัมพูชาออกมาเมื่อ 40 ปีก่อน เปิดเผยว่า ที่ดินผืนดังกล่าวเป็นพื้นที่ประเทศไทย เสาบ้านและร่องรอยของหมู่บ้านยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เราจึงต้องการกลับเข้าไปทำกินในที่ดินของบรรพบุรุษ ซึ่งมีหลายครอบครัวซึ่งมีเอกสารสิทธิ์ นส.2 ก่อนมีการประกาศเป็นเขตป่าไม้ แต่ปัจจุบันถูกกีดกันจากเจ้าหน้าที่ทหารและ ตชด.กัมพูชา อ้างว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ฯ วันนี้เจ้าหน้าที่ที่ดินได้มารังวัดเพื่อทำผังแผนที่พิพาท กรณีที่มีการพิพาทกรณีที่ดินของพี่น้องชาวบ้านน้อยป่าไร่ ที่มีเอกสารเป็น นส.2 ซึ่งทางทหารก็ยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดน จึงอยากจะขอให้เร่งดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อให้ชาวบ้านจะได้มีสิทธิ์และเข้าทำกินในพื้นที่ของตนเอง
“ตอนนี้เราได้ทำรั้วลวดหนามและมีการปลูกกล้วยบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนนี้ป่าก็รกแล้ว เข้าทำการไม่ค่อยสะดวก ตอนนี้สิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือ ให้เร่งปักปันเขตแดน เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะว่า กัมพูชาก็มาอ้างว่า ชายแดนของกัมพูชาอยู่ถึงริมถนนศรีเพ็ญ แต่ตามจริงแล้วของเขาอยู่ด้านใน และได้มีการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ไทยเยอะแล้ว ตามหลักเขตเดิมจริง ๆ คืออยากให้ทหารตรวจสอบทางด้านแผนที่ ไม่ใช่ให้เขมรสร้างหมู่บ้าน สร้างที่ดินทำกิน รุกล้ำเข้ามาในแผนที่ประเทศไทย ตอนนี้ก็ล้ำเข้ามาเยอะแล้วล่ะครับ” นายชุมพล กล่าว
นายชุมพล กล่าวอีกว่า ความหวังที่จะได้กลับเข้ามาทำกินในพื้นที่ดินของตนเองตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปถึงไหนเลย เพราะว่าทางทหารก็ยังไม่อนุญาต อ้างว่า เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ฯอยู่เหมือนเดิม และก็ยังไม่มีการดำเนินการหรือท่าทีที่จะแก้ไขอย่างไร ซึ่งชาวบ้านก็ได้แต่นั่งรอ ซึ่งการทำรังวัดผังพิพาทจะนำไปสู่คำพิพากษา กรณีที่คู่กรณีเอาเอกสารจากที่อื่นมาทับที่ดินของเรา ซึ่งอันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องระหว่างประเทศ แต่จะเป็นการพิสูจน์ว่า ที่ดินบริเวณนี้เคยมีเจ้าของมาตั้งแต่นมนานแล้ว ก่อนประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเนื้อที่ที่ประสบปัญหาขณะนี้ ที่ตนถือครองอยู่ 76 ไร่ แต่ถ้าหากรวมทั้งหมด 5 ราย คือ 527 ไร่ ที่มีเอกสารสิทธิ์ นส.2 และป่าไม้ได้อนุญาตให้เข้าทำกินแล้ว แต่ว่ามีปัญหาเรื่องแนวชายแดนและพื้นที่อ้างสิทธิ์ฯเท่านั้น
—————————-
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: