กรุงเทพฯ – กระทรวงสาธารณสุข สั่งทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม ประสานความร่วมมือ พัฒนาระบบสาธารณสุข รับมือประเด็นท้าทายหลังพ้นยุคโควิด เพื่อพัฒนาระบบและดูแลประชาชนให้มีสุขภาพ ความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
วันที่ 28 พฤษภาคม 2565 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า คณะกรรมการประมวลสถานการณ์โควิด 19 (MIU) กระทรวงสาธารณสุข นำเสนอข้อมูลสถานการณ์โควิด 19 ในที่ประชุม EOC กระทรวงสาธารณสุข ว่า สถานการณ์ดีขึ้นมาก ความรุนแรงของเชื้อลดลง และระดับภูมิคุ้มกันของประชาชนอยู่ในระดับสูงขึ้นมาก ทั้งจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อก่อนหน้านี้ มาตรการสำคัญขณะนี้ ต้องขอความร่วมมือประชาชน ขอให้กลุ่มเสี่ยง ผู้มีโรคประจำตัว และผู้สูงอายุ มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดโอกาสที่จะป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ได้มอบหมายทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม พัฒนาระบบสาธารณสุขเพื่อรับมือประเด็นท้าทายหลังพ้นยุคโควิด ตามที่คณะกรรมการ MIU กระทรวงสาธารณสุขให้ข้อเสนอแนะทางนโยบาย
ด้านนายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง และประธานคณะกรรมการ MIU กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ โดยโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) ได้ศึกษาทบทวนปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงในประเทศ โอกาสและความท้าทายในระบบสุขภาพ จากฐานข้อมูลทั้งในและต่างประเทศ การสำรวจและการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้บริหาร ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อเป็นข้อมูลเตรียมการดำเนินงานด้านสาธารณสุข หลังสิ้นสุดการระบาดโควิด 19 ต่อไป ผลการศึกษาพบประเด็นท้าทายและข้อเสนอในการพัฒนา 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1.การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ให้พร้อมกับความต้องการบริการสุขภาพของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น ต้องพัฒนาทักษะของบุคลากรให้เหมาะสมกับระบบสุขภาพยุคใหม่ และทำงานด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ
2.เตรียมรับมือปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทั้งจากภาวะโลกร้อน และปัญหาภัยธรรมชาติ ต้องพัฒนาระบบเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง
3.การสื่อสารด้านสุขภาพ ประชาชนต้องการข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพมากขึ้น ขณะที่มีข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับโรคหรือสุขภาพจำนวนมาก ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเป็นภาระในการทำงานของบุคลากรสุขภาพ จึงต้องเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานในระบบสุขภาพให้สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมที่ดีด้านสุขภาพ
4.การกระจายอำนาจ และความพร้อมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การรับมือปัญหาสุขภาพจะเป็นบทบาทของท้องถิ่นมากขึ้น ทำให้บุคลากรต้องปรับตัวในการทำงานร่วมกับท้องถิ่น ต้องพัฒนา ส่งเสริมสนับสนุนการบริหารจัดการและจัดสรรทรัพยากรในระบบสุขภาพ ไปยังหน่วยบริการภายใต้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ การพัฒนาระบบและทรัพยากรบุคคล
5.ปัญหาความยากจนที่รุนแรงขึ้น จากสถานการณ์โควิด 19 เป็นปัจจัยสังคมที่กระทบต่อสุขภาพ ทำให้ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีลดลง ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังรุนแรงมากขึ้น จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการด้านสุขภาพเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รวมทั้งทุกภาคส่วนอื่นๆ ต้องร่วมแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม
6.เทคโนโลยีด้านสุขภาพ ซึ่งมีนวัตกรรมด้านสุขภาพที่ช่วยลดภาระบุคลากรและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสุขภาพมากขึ้น แต่ระบบประกันสุขภาพอาจไม่สามารถรองรับภาระค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมด จึงต้องพัฒนากลไกในการตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศ
นพ.รุ่งเรือง กล่าวด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม ประสานความร่วมมือ ดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณสุขในการรับมือประเด็นท้าทายหลังพ้นยุคโควิด เพื่อพัฒนาระบบระบบและการดูแลประชาชนให้มีสุขภาพ ความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: