‘ชัชชาติ’ เดินตลาดนัดจตุจักร ฟังเสียงผู้ค้าเดือดร้อน ย้ำไม่ทิ้งพ่อค้าแม่ค้า เตรียมผลักดันจตุจักรสู่ตลาดนัดระดับโลก ชี้ กทม. ต้องคิดนอกกรอบระบบราชการ พัฒนาสมบัติล้ำค่า กทม. ให้กลับมาเปล่งประกาย
วันนี้ (28 พฤษภาคม 2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร เขตบางซื่อ รับฟังความเดือดร้อนของตัวแทนผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร โดยมี สมพร อิทธิภูวกุล ว่าที่ ส.ก. เขตลาดพร้าว พรรคเพื่อไทย ร่วมรับฟัง ผู้ค้าสะท้อนผลกระทบที่ได้รับจากการระบาดโควิด-19 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีปริมาณลดลงหลายเท่าตัว ร้านค้าจำนวนมากปิดตัวลงเพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนไหว กระเทือน กทม. เก็บค่าเช่าแผงไม่ได้ตามเป้า โดยนายชัชชาติ เสนอเชิญผู้เชี่ยวชาญร่วมหาทางออก ชี้ กทม. ต้องคิดนอกกรอบระบบราชการ ผลักดันจตุจักรเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ของกรุงเทพฯ และเป็นตลาดนัดยอดนิยมระดับโลก
นายชัชชาติ ระบุว่า ตลาดนัดจตุจักรเป็นตลาดนัดสำคัญของ กทม. เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ และเป็นฐานเศรษฐกิจที่มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ปัจจุบันมีจำนวนแผงค้าทั้งสิ้นกว่า 9,300 แผงค้า โดย กทม. เป็นผู้เช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และทำหน้าที่บริหารจัดการตลาด อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลง จากเดิมที่ประมาณ 300,000 คน ปัจจุบันอยู่ที่ 30,000 คน ผู้ประกอบการบางส่วนจึงตัดสินใจปิดกิจการ โดยเฉพาะร้านค้าในพื้นที่ด้านในตลาด ไม่ติดถนนเส้นหลักในพื้นที่ตลาด ด้าน กทม. ให้ความช่วยเหลือระยะสั้น ด้วยการลดค่าเช่าแผงลง 50 % ทั้งนี้ มีผลให้ยอดจัดเก็บค่าเช่าแผงคงเหลือเพียง 7 ล้านบาท จากเดิมที่ควรจัดเก็บได้ทั้งสิ้น 24 ล้านบาท
ชัชชาติ ระบุเพิ่มเติมว่า ความซบเซาของตลาดนัดจตุจักรมาจาก 2 สาเหตุ คือ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง กับ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปซื้อหาสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ ดังนั้น แนวทางแก้ไขปัญหาคือ ส่งเสริมให้ผู้ค้าเปิดร้านค้าออนไลน์ควบคู่กัน ซึ่ง กทม. สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ผ่านปรับวิธีคิด โดยมุ่งเน้นการคิดนอกกรอบระบบราชการ เช่น สร้างแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์สำหรับตลาดจตุจักรโดยเฉพาะ ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทั่วโลก
จากนั้น ชัชชาติ แสดงความเห็นต่อไปว่า กทม. ยังสามารถจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น อีเวนต์น่าสนใจบนพื้นที่ใจกลางตลาด ตลอดจนเชิญร้านค้าที่มีชื่อเสียงมาเปิดทำการ เพื่อใช้เป็นแม่เหล็กให้นักท่องเที่ยวเดินผ่านร้านค้าที่ซบเซา เป็นการกระตุ้นให้ร้านค้าภายในตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง นอกจากนี้ กทม. ยังจำเป็นต้องทบทวนราคาค่าเช่าแผง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ค้าและสร้างแรงจูงใจให้เกิดร้านค้าใหม่ ตลอดจนปรับปรุงกายภาพให้ตลาดน่าเดินมากยิ่งขึ้น เช่น เต้นท์ แผงค้า ห้องน้ำ โครงสร้างกันแดดกันฝน ระบบถ่ายเทอากาศ รวมทั้งการจัดการจราจรโดยรอบพื้นที่อีกด้วย
“ผมว่าเรามีสมบัติที่ล้ำค่ามากอยู่กลางเมือง มีชื่อเสียงระดับโลก ถ้าทำได้ไม่ดีก็แย่แล้ว เราต้องทำให้ดีให้ได้ เราต้องทำสมบัติในมือให้เปล่งประกาย เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัว เราสามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วย เช่น ท่านอภิสิทธิ์ (ไล่ศัตรูไกล) ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตลาดจตุจักรคือพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเมือง เราต้องช่วยกันสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำอย่างไรให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้น ผมขอเป็นกำลังใจให้พ่อค้าแม่ค้าทุกคน หลายคนสู้ ไม่ยอมทิ้งจตุจักร ดังนั้น เราก็จะไม่ทิ้งท่าน เราต้องช่วยเหลือกันไป ผมเชื่อมั่นว่าตลาดจตุจักรจะกลับมาเป็นตลาดนัดระดับโลก” นายชัชชาติ กล่าว
โดยการลงพื้นที่ของครั้งนี้ของนายชัชชาติ เป็นการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ในฐานะว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลังทราบผลอย่างไม่เป็นทางการว่าได้คะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา แม้ กกต. ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่นายชัชชาติก็ยืนยันว่าการลงพื้นที่ในช่วงนี้เป็นการเก็บข้อมูล และมาฟังเสียงของผู้ประกอบการ พร้อมย้ำว่ายังไม่ใช่การลงมาสั่งการเป็นทางการแต่อย่างใด ขณะที่ในวันนี้ ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็มาขอถ่ายรูปและเซลฟี่กับนายชัชชาติกันอย่างไม่ขาดสาย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: