กรรมตามทันแรงงานต่างด้าวปีนโรงแรมหวังขโมยของไฟช็อตดับ เจ้าของใจบุญทำพิธีส่งวิญญาณ
เมื่อเวลา 02.00 น. วันนี้ (3 มิ.ย. 65) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรป่าตอง จ.ภูเก็ต รับแจ้งจากเจ้าของโรงแรมในพื้นที่ป่าตอง ถ.ผังเมืองสาย ว่ามีคนโดนไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตใต้เสาไฟฟ้าอยู่บริเวณหลังโรงแรมใกล้กับจุดโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย สะพานคลองปากบาง ขอให้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วย
หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตสาขาป่าตองรถไปยังที่เกิดเหตุ พบศพชายอายุประมาณ 35-40 ปี ถูกไฟฟ้าช็อต ตัวอยู่ติดค้างอยู่ใต้เสาไฟฟ้าบริเวณหลังอาคารของโรงแรมดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า เพื่อตัดกระแสไฟก่อนนำร่างของผู้เสียชีวิตลงมา และนำร่างของผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลป่าตองเพื่อชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุทราบว่าผู้ตายคือ นายมินมินอ่าว อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา หัวหน้าคนงานแคมป์ก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียกล่าวว่า เมื่อคืนนี้ตนทราบข่าวว่ามีคนงานถูกไฟช็อตเสียชีวิต จากเพื่อนของผู้ตายที่ไปเรียกตน ซึ่งนอนพักอยู่ในแคมป์คนงานเดียวกัน สอบถามเพื่อนผู้ตายที่เป็นแรงงานชาวเมียนมาด้วยกัน ทราบว่าผู้ตายหายออกจากห้องพักไปตั้งแต่เวลา 19.00 น. ในคืนเดียวกัน และเพื่อนของผู้ตายทั้งสองคนก็เดินค้นหาบริเวณแคมป์คนงานก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย แต่ไม่พบจึงเดินกลับเข้าแคมป์ และไปพบผู้ตายนอนเสียชีวิตค้างอยู่บนสายไฟหลังโรงแรมป่าตอง
นายพงษ์พัฒน์ ป่าตองทรัพย์ เจ้าของโรงแรมป่าตอง ไดนาสตี้ กล่าวว่า ตนมาทราบว่ามีคุณถูกไฟช็อตตายหลังโรงแรม เมื่อช่วงเวลา 09.00 น. ของวันนี้ หลังจากการที่ตนไปเปิดเฟซบุ๊กดูจึงรีบมาที่โรงแรม ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ตนปิดมาประมาณสามปีแล้ว เพราะมีการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียบริเวณสะพานคลองปากบาง จุดก่อสร้างนี้ได้ถูกเจ้าหน้าที่ปิดกั้นด้วยผ้าสแลนสีเขียวห้ามคนเข้า จึงทำให้โรงแรมของตนต้องปิดไปโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้เป็นช่องทางหลบซ่อนแอบเข้ามาลักขโมยข้าวของเครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าของโรงแรม โดยโจรจะบุกเข้ามาช่วงเวลากลางคืนและงัดขโมยทรัพย์สินไป 5 ครั้งแล้ว มูลค่าหลายแสนบาท
“เช้าวันนี้ได้นำดอกไม้ธูปเทียนมาบอกกล่าวให้กับผู้ตาย พร้อมกับอโหสิกรรมให้แล้ว โดยบอกกับผู้ตายว่าตายไปแล้วก็อย่าได้มารบกวนกัน ขอให้เดินทางกลับประเทศไปหาญาติหาลูกหาเมียที่บ้านได้เลย”
ข่าวน่าสนใจ:
ด้าน น.ส.รุ้งรักข์ วริศตระกูล โรงแรมราฮาแกรนด์ และโรงแรมเดอร์ราฮาโก กล่าวว่า โรงแรมของตนเองก็ได้ความเสียหายมากเช่นกัน โดยมีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์อย่างน้อย 3 รอบ ทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปส่วนหนึ่งคือลิฟท์ 2 ตัว ในขณะที่โรงแรมไม่สามารถเปิดให้บริการได้เป็นเวลา 3 ปีแล้ว
“เราไม่มีรายได้ คนเช่าไม่มีหม้อแปลง หม้อไฟก็โดนขโมยไป แจ้งความไป 3 รอบจับได้ไป 6 คนแล้ว” เธอกล่าว “ตอนนี้โรงแรมปิดและใช้โซล่าเซลล์ เพราะหม้อแปลงโดนขโมยแล้ว และหากต้องการดำเนินการให้หม้อแปลงใช้งานได้ต้องใช้เงินประมาณ 300,000 บาท อยากให้หน่วยรับที่เป็นเจ้าภาพมาดูหน่อย เพราะ 3-4 ปีแล้วที่พวกเราต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ ทางเข้าโรงแรมก็ไม่มีเพราะปิดถนนแล้ว ไม่มีกำหนดแน่นอนว่าจะเสร็จตอนไหน เพราะเลื่อนไปเรื่อย ๆ แม้กระทั่งขอไฟสักหลอดติดหน้าโรงแรมก็ไม่ให้”
“เขาบอกว่าจะแล้วเสร็จเดือนเมษายน แต่ตอนนี้มิถุนายนแล้วก็ยังไม่เสร็จ สิ้นปีนี้ก็ไม่รู้จะเสร็จไหม ตอนนี้เราไม่มีรายได้อะไรเลย เราต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยธนาคาร อยากให้รัฐช่วยบรรเทาทุกข์ให้พวกเรา ทำให้เรามีช่องทางเข้าโรงแรมบ้าง เพราะตอนนี้ตึกก็ร้าวเพราะมีการตอกเสาเข็ม อยากวอนหน่วยงานที่รับผิดชอบตรงนี้มาช่วยเหลือพวกเราด้วย” น.ส.รุ้งรักข์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: